ไม่พบผลการค้นหา
อัตราการหย่าร้างในจีนเพิ่มสูงขั้นหลังจากผ่านการกักตัวในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนที่อังกฤษ ทนายชี้ การอยู่ด้วยกันมากเกินไป ทำให้คู่รักไม่มีช่องทางปลดปล่อยความตึงเครียดในพื้นที่อื่นๆ

สื่อจีนรายงานว่า หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในจีนเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ เจ้าหน้าที่ในหลายเมืองต่างได้รับการร้องขอให้ทำเรื่องหย่าให้กับคู่รักชาวจีนเป็นจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่เมืองซีอาน ในมณฑลส่านซีกล่าวว่า ในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการร้องขอการจดทะเบียนหย่าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับสถิติปีก่อนหน้า ในบางเขตมีผู้ร้องขอมากเกินกว่าจำนวนคิวการนัดหมายที่สำนักงานเขตท้องถิ่นจะออกให้ได้ 

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า อัตราการหย่าร้างที่เพิ่มขึ้นนั้นอธิบายได้สองปัจจัย คือ

1. เนื่องจากหน่วยงานราชการถูกสั่งปิดเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้คู่ที่ต้องการทำเรื่องหย่าร้างกับทางเขตนั้นไม่สามารถทำได้ และเมื่อสำนักงานเปิดจึงมาทำเรื่องหย่ากันมากขึ้น

2. การอยู่ใกล้ชิดกันมากเกินไปเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ เจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าวกับสื่อจีนว่า การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือนนั้น ทำให้คู่รักหลายคู่เกิดการทะเลาะและก่อให้เกิดความขัดแย้งในการใช้ชีวิตร่วมกันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม คู่รักหลายคู่เมื่อตัดสินใจหย่ากันแล้ว ต่างก็รู้สึกเสียใจและกลับมาจดทะเบียนสมรสกันใหม่ภายในระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

ทางด้าน ไอซา วาร์ดัก ผู้ก่อตั้งศูนย์ทหนายเพื่อการหย่าร้างวาร์ดักในอังกฤษกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาศูนย์ทนายของเธอได้รับคำปรึกษาจากคู่รักเกี่ยวกับความรู้สึกที่พวกเขาไม่สามารถแบกรับหรือเผชิญหน้ากับคนที่พวกเขาไม่ได้รักอีกต่อไป หรือการที่กำลังจะต้องถูกกักตัวอยู่ด้วยกัน 24 ชม.กับคนที่ไม่ชอบเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้เธอยังกล่าวว่า ศูนย์ทนายของเธอมีการขอคำปรึกษามากขึ้นสำหรับเรื่องของการเลี้ยงดูเด็กในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนานี้

งานวิจัยในปี 2018 พบว่าคู่รักที่ใช้ชีวิตด้วยกันก่อนแต่งงานนั้นมีอัตรการหย่าร้างในปีแรกที่ต่ำ แต่กลับพบว่าเมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี อัตรการหย่าร้างก็เพิ่มสูงขึ้น

ซัลม่า บัตต์ หัวหน้ากลุ่มงานกฎหมายครอบครัวจากสำนักงานกฎหมายฟรีแมน แฮร์ริสของอังกฤษกล่าวว่า การกักตัวในช่วงแพร่ระบาดนี้อาจจะเป็นการพิสูจน์ที่ยากลำบากสำหรับคู่รักซึ่งมองไม่เห็นว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะสิ้นสุดลงเช่นไร

ซัลม่าชี้ว่า การไปโรงเรียน ทำงาน หรือการพบปะกับครอบครัวและเพื่อและการเข้าสังคม เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้มีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดี ดังนั้น มาตรการจำกัดเสรีภาพ แม้ว่าจะอ้างว่าเป็นการทำเพื่อชาตินั้นจะก่อให้เกิดผลกระทบกับครอบครัวเมื่ออยู่ร่วมกันที่บ้านโดยที่พวกเขาไม่ได้มีช่องทางในการปลดปล่อยความผิดหวังต่างๆ

ทางด้านนักจิตวิทยาอย่าง ร็อบ ปาสคาล และ ดร.ลัว พรีมาเวลา ผู้เขียนหนังสือ Making Marriage Work กล่าวว่า 'การแบ่งเวลากับเพื่อนและครอบครัวที่ลงตัวในฐานะคู่รัก และแยกจากกันในบางเวลา จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของการสมรสให้ดียิ่งขึ้น เหมือนกับการแบ่งช่องว่างในวงกลมระหว่างกิจกรรมต่างๆ และการใช้ชีวิตอยู่กับคู่ของตัวเอง'

ที่มา Business Insider / CNBC