ไม่พบผลการค้นหา
สถานเอกอัครราชทูตจีนในไทย ออกข้อความโต้กรณีถูกทูตสหรัฐฯ เขียนบทความว่าร้ายจีนกรณีปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สวนกลับสหรัฐฯ เอง ยังไม่สามารถรับมือกับไวรัสตัวนี้ได้ ชี้ไวรัสไม่มีพรมแดน หยุด "ติดฉลาก" หรือ เชื่อมโยง

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก เรื่องคำโกหกช่วยชีวิตคนสหรัฐฯ ไม่ได้ โดยระบุว่า เมื่อไม่นานมานี้ นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง โดยจงใจใช้สถานการณ์โควิด-19 โจมตีใส่ร้ายประเทศจีน ซึ่งทางฝ่ายจีนจำเป็นต้องมีการโต้ตอบบ้างเพื่อให้ความชัดเจน

ซึ่งสหรัฐฯ พยายามติดฉลาก และเชื่อมโยงไวรัสโควิด-19 เข้ากับประเทศจีนอยู่ตลอด แม้องค์การอนามัยโลก จะเน้นเสมอว่า ควรหลีกเลี่ยงการเชื่อมโยงไวรัสกับเชื้อชาติหรือภูมิภาค

หลังการติดฉลาก ล้มเหลว ทางสหรัฐฯ พยายามกลับขาวเป็นดำ กล่าวหาจีนแบ่งปันข้อมูลโควิด-19 ไม่ครบ หรือโปร่งใสพอทั้งที่ความจริงจีนเริ่มส่งข้อมูลการแพร่ระบาดของไวรัสให้กับองค์การอนามัยโลกเมื่้อเดือน ธ.ค. 2563 และตั้งแต่ 3 ม.ค. 2563 เป็นต้นมา จีนส่งข้อมูลให้สหรัฐฯ ทราบเป็นประจำ

และขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้นโดยที่สหรัฐฯ เองยังไม่สามารถจัดการได้ ไม่สามารถส่งข้อมูลการแพร่ระบาดได้ อย่างทันการณ์ และโยนความผิดเมื่อตนเองไร้ประสิทธิภาพในการป้องกันโรค โดยกล่าวหาว่า "จีนให้ข้อมูลที่ผิด" และปัจจุบัน ในขณะที่จีนต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคอย่างเต็มกำลัง ยังมีความห่วงใยต่อสังคมโลก และกำลังให้การสนับสนุนประเทศต่างๆ 100 กว่าประเทศรวมทั้งประเทศไทยในรูปแบบต่างๆ ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรค จีนจะจดจำและรำลึกบุญคุณที่มิตรประเทศต่างๆ ให้กำลังใจและการสนับสนุนในยามที่เราลำบาก ประชาชนจีนจะยืนเคียงข้างกับประชาชนไทยและประชาชนประเทศต่างๆ อย่างแน่วแน่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขและฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน

สุดท้าย ไวรัสไม่มีพรมแดน สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้คือสังคมโลกช่วยกันรับมือ เราขอตักเตือนทางสหรัฐฯหยุด "โยนความผิด" หยุดการโกหก จักการเรื่องของตนให้ดี และแสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรค และรักษาความมั่นคงด้านสาธารณสุขของโลกด้วย จีนยินดีที่จะร่วมงานกับทุกประเทศที่ละทิ้งอคติทางการเมือง เพื่อเอาชนะในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคในครั้งนี้ เพื่อร่วมกันพิทักษ์ความมั่นคงด้านสุขภาพของภูมิภาคและทั่วโลก


Photo by Martin Sanchez on Unsplash