ไม่พบผลการค้นหา
สพร.ดึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมลงนามความร่วมมือพัฒนาและใช้ 'Digital ID ภาครัฐ' เพื่อให้เกิดการยืนยันตัวตนที่ง่ายขึ้น ตั้งเป้าประชาชนไม่ต้องถ่ายเอกสาร เซ็นสำเนาถูกต้อง ใน 2 ปี

สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย ระยะ 3 ปี ตั้งแต่ 2563-2565 เพื่อให้ภาครัฐเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ บนการพัฒนา 4 แพลตฟอร์มสำคัญ คือ แพลตฟอร์มยืนยันตัวตน หรือ Digital ID , แพลตฟอร์มชำระเงิน e-payment , แพลตฟอร์มติดตามความก้าวหน้า และแพลตฟอร์มการออกเอกสารรับรอง ในเดือน ต.ค. 2563 จะเริ่มเห็นความก้าวหน้าในการพัฒนาระบบ คาดว่าทุกแพลตฟอร์มจะแล้วเสร็จภายใน 2 ปีหลังจากนี้ ซึ่งจะสามารถให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์กว่า 2,000 บริการในหน่วยงานภาครัฐกว่า 200 หน่วยงานได้

โดยในส่วนของโครงการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลภาครัฐ หรือ Digital ID จะเริ่มขับเคลื่อนได้เป็นลำดับแรก โดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ในการบริหารงานภาครัฐ และยกระดับการให้บริการประชาชน ลดภาระในการติดต่อหรือใช้บริการจากภาครัฐ เพราะที่ผ่านมาการให้บริการของภาครัฐแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ หรือการให้บริการของภาคธุรกิจแก่ประชาชน ประกอบด้วยขั้นตอนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนที่มีความซ้ำซ้อน สิ้นเปลืองทั้งเวลาและทรัพยากร เกิดภาระต่อผู้มีหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้องและยืนยันตัวตน ซึ่งก่อให้เกิดความไม่สะดวกและเกิดภาระต่อผู้ใช้บริการ

อย่างไรก็ตามคาดว่า Digital ID จะเริ่มนำรองใช้ในหน่วยงานภาครัฐได้เกิน 1-2 เดือน โดยจะเริ่มจากบริการที่ประชาชนใช้เป็นลำดับแรกๆ ซึ่ง สพร.จะเป็นผู้ดูแลระบบกลาง และขับเคลื่อนให้หน่วยงานต่างๆ เริ่มเปลี่ยนระบบใช้ดิจิตอลแพลตฟอร์มโดยเร็ว ซึ่งจะทำให้ประชาชนไม่ต้องใช้งานที่เป็นเอกสารแล้ว เช่น การถ่ายเอกสาร หรือ การเซ็นสำเนาถูกต้อง เพียงถ่ายรูปบัตรประชาชนและยืนยันรูปใบหน้าให้ตรงกันบนแอปพลิเคชันเท่านั้น

ดิจิทัลภาครัฐ

ขณะที่ในวันนี้ 15 ก.ย. 2563 สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) พร้อมด้วย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, สมาคมธนาคารไทย, สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ, บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด, กรมสรรพากร, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กรมที่ดิน, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ‘โครงการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลภาครัฐ’ ตั้งเป้ายกระดับการให้บริการดิจิทัลภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ มีความมั่นคงปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำธุรกรรมออนไลน์กับภาครัฐได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยให้สามารถก้าวเข้าสู่โลกใหม่ในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบด้วย