ไม่พบผลการค้นหา
จีนเป็นประเทศหนึ่งที่ถือว่าประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหามลพิษหมอกควันที่ปกคลุมประเทศมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี รัฐบาลจีนไม่ได้เพียงแต่ฉีดน้ำขึ้นฟ้าเท่านั้น แต่ยังมีมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเป็นระบบจนท้องฟ้าในหลายเมืองกลับมาสดใสอีกครั้ง

ปี 2013 รัฐบาลจีนประกาศ 'สงครามมลพิษ' เพื่อแก้ปัญหาหมอกควันอย่างจริงจัง หลังจากที่ภาคประชาชนออกมากระตุ้นเตือนรัฐบาลจีนให้จัดการปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เพราะในช่วงก่อนหน้านี้ ประชาชนชาวจีนจำนวนมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และเมืองอุตสาหกรรม ต่างประสบกับปัญหาทางด้านสุขภาพอย่างหนัก

จนกระทั่งช่วงปลายปี 2017 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่กรุงปักกิ่งประกาศว่าค่าดัชนีมลพิษทางอากาศลดลงอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน และในเดือน ม.ค. ปี 2018 ค่ามลพิษในอากาศของปักกิ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเกณฑ์ถึง 25 วัน

ไม่เพียงแต่ปักกิ่งเท่านั้น รัฐบาลท้องถิ่นหลายเมืองก็หันมาใส่ใจปัญหามลพิษจากการเผาไหม้ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะทางภาคเหนือของจีนที่มีโรงงานถ่านหินเป็นจำนวนมาก ปัญหาควันจากรถยนต์ในเมืองใหญ่ รวมไปถึงฝุ่นละอองจากการก่อสร้างอาคารต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาหลักของหมอกควันที่ปกคลุมเมืองต่างๆ ในจีนมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเป็นจำนวนมาก

งานวิจัยของBerkeley Earth มีการประเมินว่าในแต่ละปีประชากรจีนเสียชีวิตจากปัญหาเรื่องมลพิษในอากาศสูงถึง 1.6 ล้านคน และบริเวณที่มีค่ามลพิษอยู่ในเกณฑ์ที่อันตรายสูงสุดคือ พื้นที่ทางภาคเหนือของจีน โดยเฉพาะมณฑลส่านซี ที่เป็นเมืองอุตสาหกรรมถ่านหินที่สำคัญของจีน และมณฑลเหอเป่ยที่เป็นเขตอุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่สำคัญ

มาตรการที่เข้มงวดจากรัฐบาลกลางสู่มาตรการกำจัดฝุ่นของท้องถิ่น

รัฐบาลจีนทุ่มงบประมาณกว่า 40,500 ล้านหยวน หรือประมาณ 6,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนเป็นงบประมาณในการลดการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และก๊าซไนโตรเจนออกไซด์จากภาคอุตสาหกรรม ด้วยการออกกฎหมายควบคุมการทำงานของเครื่องจักรและบังคับให้โรงงานเปลี่ยนประเภทเครื่องจักรที่ใช้งานเกินกำหนดอายุงาน รวมไปถึงการสั่งลดการผลิตของโรงงานถ่านหินในช่วงฤดูหนาว

ในปี 2017 โรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่ได้มาตรฐานกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ทั่วประเทศถูกสั่งปิด มาตรการดังกล่าวทำให้ในปี 2018 ค่ามลพิษทางอากาศในหลายเมืองหลักของจีนลดลงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ รัฐบาลปักกิ่งยังส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถเครื่องยนต์ดีเซลและน้ำมันเบนซินด้วยทั้งยังสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้มีราคาถูกลง และออกมาตรการเปลี่ยนรถโดยสารสาธารณะเป็นรถระบบไฟฟ้าทั้งหมด รวมไปถึงรถแท็กซี่ในเมืองต่างๆ ด้วย

ในเมืองใหญ่ๆ อย่างปักกิ่ง เซินเจิ้น เซี่ยงไฮ้ และเมืองอื่นๆ ต่างเร่งพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าให้ครอบคลุมพื้นที่ในเมืองมากขึ้น เพื่อลดการใช้รถยนต์ของประชาชนในการเดินทาง


000_SB60H.jpg

(สถานีชาร์จแบตเตอร์รี่รถยนต์ไฟฟ้าที่เห็นได้ทั่วไปในเมืองใหญ่ๆ ของจีน)

มาตรการดังกล่าวเป็นเพราะในเมืองใหญ่มีปริมาณการใช้รถยนต์หนาแน่น รัฐบาลจึงต้องออกมาตรการจูงใจให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยการลดภาษีทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าให้กับประชาชน พร้อมทั้งจำกัดโควตาการออกทะเบียนรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน รวมไปถึงการกำหนดวันในการใช้รถของประชาชนบนถนนตามเลขทะเบียนคู่และคี่ด้วย

ขณะเดียวกันก็มีนโยบายทางด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ กระทำไปควบคู่ด้วยเช่นกัน เช่นในปี 2017 รัฐบาลจีนประกาศนโยบายปรับปรุงคุณภาพอากาศ และลดการปล่อยก๊าซพิษด้วยการออกคำสั่งให้ทหาร 60,000 นาย เร่งปลูกต้นไม้ในพื้นที่ 84,000 ตารางกิโลเมตร เพื่อสร้างป่ามาต่อสู้กับมลพิษทางอากาศ ทั้งที่ช่วงนับตั้งแต่ปี 2013 รัฐบาลจีนเพิ่มความหนาแน่นของพื้นที่ป่าได้ถึง 33.8 ล้านเฮกตาร์

นอกจากนี้ในระดับท้องถิ่น รัฐบาลท้องถิ่นในหลายเมืองของจีนยังใช้บริการรถพ่นละอองน้ำเพื่อกำจัดฝุ่นบนถนนและในอากาศควบคู่ไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในวันที่มีการประกาศค่ามลพิษเกินมาตรฐาน ซึ่งรถพ่นละอองน้ำนี้จะทำหน้าที่ฉีดน้ำ 3-5 ครั้งในวันดังกล่าว และยังมีการฉีดสเปรย์สารเคมีชนิดพิเศษลงบนถนนอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ซึ่งสเปรย์ดังกล่าวจะทำหน้าที่ดูดซับฝุ่นและมลพิษจากพาหนะบนท้องถนนด้วย

อย่างไรก็ตาม การทดสอบและวิจัยของสถาบันติดตามและประเมินผลสิ่งแวดล้อมแห่งชาติจีน พบว่า รถพ่นละอองน้ำและสเปรย์สารเคมีเมื่อใช้ร่วมกันสามารถลดค่าฝุ่นละออง PM 10 ได้ 20 เปอร์เซ็นต์ ฝุ่นละอองขนาด PM 2.5 ลดได้ 5 เปอร์เซ็นต์ และลดไนโตรเจนออกไซด์ได้ 10 เปอร์เซ็นต์


000_1443EP.jpg

(หอฟอกอากาศ ในเมืองซีอาน มณฑลส่านซี)

ขณะที่ทางเมืองซีอาน มณฑลส่านซี ซึ่งเป็นเมืองที่มีค่ามลพิษทางอากาศสูงเกินมาตรฐานในระดับสูงและเป็นอันตรายต่อประชาชนมากที่สุดเมืองหนึ่ง เมื่อปี 2018 รัฐบาลท้องถิ่นสร้างหอฟอกอากาศสูงกว่า 100 เมตร ซึ่งสามารถกรองอากาศในบริเวณรัศมี 10 กิโลเมตรได้

ที่ผ่านมาหอคอยกรองอากาศดังกล่าวได้กรองอากาศที่ไหลผ่านเข้ามาในแต่ละวันกว่า 10 ล้าน ลบ.เมตร โดยเกา จุนจี หัวหน้าฝ่ายควบคุมหอฟอกอากาศแห่งนี้กล่าวว่า "ในวันที่มีมลพิษหนาแน่นในเมืองซีอาน หอแห่งนี้สามารถบรรเทาหมอกควันและลดมลพิษในเมืองซีอานได้ถึง 25 เปอร์เซ็นต์"

หอฟอกอากาศดังกล่าวจะดูดอากาศจากภายนอกลงไป เพื่อให้ไหลผ่านแผ่นกระจกและพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่มีขนาดเท่าสนามฟุตบอลที่ฐานหอคอย และผ่านกระบวนกรองอากาศอีกหลายชั้นก่อนปล่อยออกมา ทั้งนี้จากการทดสอบพบว่า เครื่องกรองอากาศขนาดยักษ์นี้สามารถลดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ได้กว่า 15 เปอร์เซ็นต์ในวันที่อากาศเลวร้ายขั้นรุนแรงในซีอาน ซึ่งมากกว่าการใช้รถพ่นละอองน้ำในการกำจัดฝุ่นในอากาศถึง 3 เท่าตัว

ปัญหามลพิษทางอากาศในจีนไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเท่านั้นแต่มันยังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลให้แก่รัฐบาลจีน มีการประเมินว่าในแต่ละปีจีนสูญเสียรายได้ทางเศรษฐกิจเป็นเงินกว่า 267,000 ล้านหยวน เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายทางสาธารณสุขให้กับประชาชนจากปัญหามลพิษทางอากาศและผลผลิตทางการเกษตรที่ลดลงด้วย

ปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดจากหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้ไม่ใช่ปัญหาขนาดเล็กเหมือนฝุ่นละอองจากการพัฒนาไม่ แต่มันเป็นปัญหาที่ใหญ่พอๆ กับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลจีนประเมินว่าหากปล่อยให้ปัญหานี้เรื้อรังต่อไป รัฐบาลจะต้องสูญเสียงบประมาณมหาศาลในทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นหากไม่รีบแก้ไขให้ทันท่วงที แต่สำหรับประเทศไทยประชาชน 'ต้องช่วยตัวเอง' ไปก่อน...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พวงพรรณ ภู่ขำ
25Article
0Video
0Blog