ไม่พบผลการค้นหา
‘ประเสริฐ’ ยก ม.184 ยื่นศาล รธน. เอาผิด ‘ประยุทธ์’ รับผลประโยชน์รัฐ ใช้บ้านพักทหารหลังเกษียณไป 5 ปีทั้งที่มีบ้านและมีเงินหลายร้อยล้าน ขัดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลามโหม โดยมีเนื้อหาว่า หลานชายของนายกรัฐมนตรี ใช้บ้านพักทหารเป็นที่ทำการบริษัทและประมูลงาน ทั้งที่น้องชายของนายกฯ และพ่อของหลานเป็นแม่ทัพภาคที่3 อีกกรณีคือการพักบ้านพักทหารหลังเกษียณอายุราชการแล้ว ซึ่งมีหนังสือจาก ผบ.ทบ. ระบุว่าหากเกษียณแล้ว แต่ยังทำคุณประโยชน์ให้ประเทศก็ยังพักได้ แต่บ้านพักเหล่านั้นไม่ใช่ของ ผบ.ทบ. ดังนั้นการที่รู้เห็นเป็นใจให้นายกรัฐมนตรียังพักบ้านพักทหารโดยไม่จ่ายค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ถือเป็นการทำความผิด ข้าราชการกระทรวงอื่นๆ ก็ทำความดีให้กับประเทศชาติแต่พอเกษียณแล้วก็บ้านออก 

เพราะนายกฯ จงใจไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 (3) คือการขัดกันของผลประโยชน์ ถือเป็นการรับประโยชน์จากหน่วยงานของรัฐ โดยหลังเกษียณจาก ผบ.ทบ. ยังอยู่ในบ้านพักทหาร ทั้งที่ตามระเบียบกองทัพบก กำหนดให้ข้าราชการ อาคารบ้านพักให้อยู่ความดูแลของกรมสวัสดิการทหารบก ผู้มีสิทธิ์เข้าพักต้องเป็นราชการประจำหรือลูกจ้างประจำ และหากผู้นั้นมีที่พักเป็นของตัวเองหรือของคู่สมรสในกรุงเทพฯ ผู้นั้นไม่มีสิทธิ์เข้าพักอาศัย หรือคนที่เกษียณอายุก็ต้องย้ายออกทันที ดังนั้นการที่ยังพักอยู่ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ และเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการใช้กระแสไฟฟ้าฯ ก็จะกำหนดการใช้น้ำและไฟฟ้าในสัดส่วนที่กำหนดต่อเดือน

ซึ่งบ้านที่พลเอกประยุทธ์ อาศัยอยู่เป็นบ้านรับรองของผู้บัญชาการเข้าในระเบียบนี้ด้วย อีกทั้งหนังสือเวียนของกระทรวงการคลัง ก็กำหนดไม่ให้ผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้วอาศัยอยู่ อีกทั้งถ้าเกษียณอายุแล้วต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟเองและต้องย้ายออกภายใน 90 วัน หรือเช่นกองทัพอากาศผู้ที่จะเกษียณอายุแล้วต้องขนของออกก่อนเกษียณ 7 วัน หรือระเบียบ กทม. ก็กำหนดสิทธิ์ในการพักอาศัยว่าเป็นข้าราชการสังกัด กทม. ต้องไม่มีบ้านใน กทม. และถ้าเกษียณแล้วก็หมดสิทธิ์อาศัยอยู่

แล้วพลเอกประยุทธ์ ที่เกษียณไปแล้วตั้งแต่ 1 ตุลาคม ปี 2557 ดังนั้นการอยู่ในบ้านพักมากว่า 5 ปีจึงอยู่โดยที่ไม่มีสิทธิ์การพักอาศัย อีกทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่าย ก็เป็มูลค่ากว่า 1 ล้านบาทแน่นอน และให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมาว่าไม่ขอตอบเรื่องบ้านพัก กฎระเบียบจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่วันนี้ทำงานอยู่ และทำงานรับใช้ชาติมาตลอดชีวิต แต่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ทั้งนี้ตนยังเตรียมการจะย้ายไปอยู่บ้านตัวเองอยู่แล้ว นายประเสริฐเห็นว่านายกรัฐมนตรีก็มีบ้านพักของตัวเอง หน่วยงานอารักขาก็มี และคำพูดยังแสดงว่าไม่สนใจกฎหมาย นายกฯ ไม่มีจิตสำนึกทางกฎหมาย ทั้งที่ตนและคู่สมรสก็มีทรัพย์สินหลายร้อยล้านบาท แต่ยังอาศัยบ้านหลวงฟรี ใช้น้ำฟรี ไฟฟ้าฟรี อีกทั้งยังมีบ้านอยู่ในเขตสามเสนที่ไม่ไกลจากกรมทหารราบที่ 1 ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ 

เรื่องต่อมาคือ การบริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ความสามารถและบกพร่อง เห็นได้จากเหตุการณ์ทหารคลั่ง แต่พลเอก ประยุทธ์ กลับเดินทางเข้าไปในพื้นที่ช้าและแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม และเหตุดังกล่าวก็เกิดขึ้นจากกองทัพ แต่กลับไปคร่าชีวิตประชาชน รัฐบาลตัดสินใจผิดพลาดที่ไม่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะถ้าประกาศก็จะไม่เกิดความรุนแรงขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่แสดงความรับผิดชอบ และไม่มีการสอบสวนว่าเรื่องดังกล่าวใครเป้นคนรับผิดชอบ มีแต่แก้ตัวแทนกองทัพที่เข้าใจความความมั่นคงคือการซื้ออาวุธอย่างเดียว อีกทั้งนายกฯ ยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ซ้ำอีก และไม่มีมาตรการใดออกมาให้ประชาชนมั่นใจ 

ดังนั้นตนจึงไม่อาจไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกทั้งการใช้บ้านพักทหารยังเป็นการรับประโยชน์จากหน่วยงานของรัฐและขัดจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ในลักษณะที่ร้ายแรง อีกทั้งเรื่องที่สาม คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหรืออื่นใดรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ได้ไม่เกิน 3,000 บาท แต่อยู่ในบ้านพักมาก็หลายล้านบาท ข้อที่ 4 การบริหารงานผิดพลาดทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงโคราชจำนวนมาก ตนสงสารคนไทยที่มีนายกรัฐมนตรีที่มือถือสากปากถือศีล ดังนั้นตนจะส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาว่าจะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่

อ่านเพิ่มเติม