ไม่พบผลการค้นหา
"พล.อ.ณัฐพล" แถลงเปิดตัวศูนย์คอลเซ็นเตอร์ สายตรง ผบ.ทบ.02-018-7330 อย่างเป็นทางการ ขอให้มั่นใจทุกอย่างถูกเก็บเป็นความลับ ยืนยัน ไม่ใช่ "ปาหี่" อะไรที่เกินอำนาจกองทัพบกจะส่งต่อ ป.ป.ช.

วันที่ 19 ก.พ. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก แถลงเปิดตัวศูนย์ Call center "สายตรง ผบ.ทบ.02-018-7330" อย่างเป็นเป็นทางการ เพื่อให้กำลังพลสามารถร้องทุกข์มาอย่างผู้บัญชาการทหารบกได้โดยตรง หลังจากเปิดดำเนินการตั้งแต่เมื่อวานนี้ (18 ก.พ.) โดยให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการเป็น คอลเซ็นเตอร์ จะมีการบันทึกการสนทนา เพื่อส่งไปยังผู้บัญชาการทหารบก พร้อมแนบ ชื่อ ยศ สังกัด ใส่ซองปิดผนึก เพื่อประกันให้กำลังพลที่ร้องเรียนเข้ามาได้มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นความลับอย่างแท้จริง 

ทั้งนี้ เรื่องที่ถูกร้องเรียนเข้ามาผ่านคอล เซ็นเตอร์ อาจจะมีการนำมาประเมินความสำคัญ หากเรื่องใดที่มีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ แต่ก็ขอเรียนไปยังผู้บังคับหน่วยทั่วประเทศว่า ไม่ต้องกังวล เพราะคนที่เป็นถึงผู้บัญชาการทหารบกและรองผู้บัญชาการทหารบก มีดุลพินิจเพียงพอ ที่จะแยกแยะได้ว่า เรื่องใดเป็นเรื่องจริง เรื่องใดเป็นเรื่องการกลั่นแกล้ง

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จะมีการกลั่นกรองเรื่องผ่านเจ้าหน้าที่จากเอกชนที่มีประสบการณ์ หากประเมินแล้วพบว่า เรื่องร้องเรียนเป็นความจริง จะมีการโทรสอบถามไปยังผู้บังคับหน่วย และหากพบว่ามีมูลความจริง ก็จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งในระหว่างการตรวจสอบ จะต้องมีการย้ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกจากพื้นที่ เพื่อไม่ให้กระทบการสอบสวน  

สายตรง ผบ.ทบ..jpg

ที่มา : เฟซบุ๊ก ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก Army PR Center

พล.อ.ณัฐพล กล่าวด้วยว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจกองทัพบก เพราะผู้บัญชาการทหารบกมีเจตนาที่ดี อะไรที่เกินอำนาจของกองทัพบก ก็จะมอบให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ดำเนินการตรวจสอบต่อไป และขอย้ำว่าคอล เซ็นเตอร์ สายตรง ผบ.ทบ. ไม่ใช่ "ปาหี่" ตามที่บางพรรคการเมืองโจมตี เพราะอะไรที่เริ่มต้นตั้งแต่จากเบอร์ 1 ย่อมเป็นเรื่องที่จริงจังทั้งหมด

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยังสั่งการให้เดินสายทำความเข้าใจผู้บังคับหน่วย ให้ดูแลทุกข์สุขผู้ใต้บังคับบัญชา อย่าใช้ระบบเจ้าขุนมูลนาย เพราะแม้ว่าทหารจะต้องมีความเด็ดขาด เพื่อบังคับบัญชาการรบ แต่ปัจจุบันจำเป็นต้องเพิ่มการเอาใจใส่ทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งกองทัพบกมั่นใจว่า การดำเนินการทั้ง 2 ระบบควบคู่กันไป จะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา มีความมั่นใจมากขึ้น 

สุดท้ายนี้ขอยืนยันว่า การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ เป็นการปรับตัวตามกระแสสังคม แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ระบบบังคับบัญชาในการรบ เมื่อสั่งก็ต้องไป ความเด็ดขาดต้องคงอยู่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง