ข่าวแจ้งว่า ในวงสนทนาธรรม มีแกนนำรัฐบาลสายบู๊ สายบุ๋นอยู่กันพร้อมหน้า ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง รองหัวหน้าพรรค พปชร.
ขอให้พรรคร่วมรัฐบาล เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 256 ในสภาผู้แทนราษฎร แต่ต้องไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 หลังจากออกท่าที ทั้งถีบทั้งถอย “หักดิบ” ความหวังของม็อบปลดแอก ที่ต้องการให้รัฐสภารับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา
วัตถุประสงค์เพื่อปรามไม่ให้ มวลชนหน้าสภา “ประกาศวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญคือ “ชัยชนะ” ทางการเมืองของการเคลื่อนไหวภาคประชาชน - ขีดวงล้อมชัดเจน
ขณะเดียวกัน บรรยากาศในสภาหลังจากเล่นเกม “ยื้อ” ด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมก่อนรับหลักการนัดแรก รัฐสภา ตั้ง 'วิรัช รัตนเศรษฐ' ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ประธานวิปรัฐบาลซึ่งเป็นผู้เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เป็นประธานกรรมาธิการ
มีรองประธานกรรมาธิการ 6 คน ได้แก่ มหรรณพ เดชวิทักษ์ ส.ว. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ วิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา
ที่ปรึกษากรรมาธิการ 4 คน ได้แก่ กล้านรงค์ จันทิก ส.ว. อิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรประชาธิปัตย์ สมชาย แสวงการ ส.ว. และ เสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.
เลขานุการกมธ. ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ส่วนโฆษกกรรมาธิการ 2 คน ได้แก่ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์
หาทางประนีประนอมทั้ง ส.ส. - ส.ว.ปรับความเข้าใจ ส.ส. - ส.ว. ก่อนนัดลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่อีกครั้งในการประชุมสภาสมัยหน้าที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน วางกรอบการประชุม 10 วัน สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
ตั้งอนุ กมธ.ขึ้นมาพิจารณาปมที่ยัง “ค้างคาใจ” ของ ส.ว. อันได้แก่ หลังจากรัฐสภารับหลักการร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระที่ 1 ไปแล้ว เข้าสู่กระบวนการแก้ไขในวาระที่ 2 เมื่อผ่านขั้นตอนการโหวตวาระที่ 3 จะต้องทำประชามติก่อนหรือไม่
ขณะที่แหล่งข่าวใน กมธ.ชุดนี้ จับสัญญาณ ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ เรียกรัฐมนตรีไปถก 1 ชั่วโมง ว่า บรรยากาศขณะนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ “เป็นไปด้วยดี” ถึงขั้นว่า รับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ของทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ซึ่งมีหลักการใกล้เคียงกันน่าจะผ่านไปได้ไม่ยากนัก
ทว่า อีก 4 ญัตติที่เสนอโดยพรรคฝ่ายค้าน สุ่มเสี่ยงว่าจะถูกตีตกทั้งหมด ด้วยเหตุผลว่าหากแก้ไขรัฐธรรมนูญ 256 มี สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แล้ว ประเด็นเหล่านี้ก็จะถูกแก้ไขอยู่ดี
โดย 4 ญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอประกอบด้วย
- ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ให้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 270 และมาตรา 271 ในเรื่องการปฏิรูปประเทศ
- ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ให้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 159 และยกเลิกมาตรา 272 เรื่องยกเลิกอำนาจ ส.ว.ในการโหวตนายกรัฐมนตรี
- ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ให้แก้ไขเพิ่มเติมที่ให้ยกเลิกมาตรา 279 ที่ให้ยกเลิกประกาศและคำสั่งของหัวหน้า คสช.
- ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ให้แก้ไขเพิ่มเติมที่ให้ยกเลิกมาตรา 93 และมาตรา 101 (4) ให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส. 2 ใบตามรัฐธรรมนูญปี 2540
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตามปฏิทินการเมืองในเดือน ต.ค. จะร้อนยิ่งกว่าร้อน เพราะมีวันสำคัญทางการเมือง ทั้ง 6 ต.ค. และ 14 ต.ค. ประกอบกับแกนนำม็อบนักเรียน นักศึกษา ทั้ง “คณะประชาชนปลดแอก-แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ต่างใช้เดือน ต.ค. ป็นวัน “ดีเดย์” ทำม็อบแบบ ปักหลัก-พักค้าง ปฏิบัติการลงท้องถนน
ทว่า ท่าทีของฝ่ายนิติบัญญัติในนามพรรคพลังประชารัฐ แกนนำรัฐบาล ประเมินตาม “ข้อมูล” ที่รับฟังมาจากฝ่ายความมั่นคงว่า ม็อบปลดแอกจะไม่รุนแรง เงื่อนไขในเดือน ต.ค. ยังไม่ “สุกงอม” เพียงพอที่จะทำอะไรรัฐบาลได้
แหล่งข่าวระบุ 4 เหตุผลแห่งความเชื่อมั่นว่าจะ ฝ่าฟันเดือนอันตรายไปได้
1.ม็อบนักศึกษาเสียแนวร่วมไปเป็นจำนวนมาก จากการเสนอประเด็นที่ละเอียดอ่อน
2.จำนวนผู้ชุมนุม ที่เป็น “กองหนุน” ทำให้ม็อบเคลื่อนไหวได้ระยะยาวยังไม่มี เป็นลักษณะมาแล้วกลับ ไม่สามารถลากยาวได้นานจึงไม่น่ากังวล
3. และจากข้อเสนอที่แหลมคม จึงไม่มีพรรคการเมืองกล้าหนุนหลัง – ส่งท่อน้ำเลี้ยง ได้แต่ส่งเสียงเชียร์อยู่ห่างๆ
4. สถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ คนส่วนใหญ่เห็นว่า การชุมนุมจะทำให้กระทบเศรษฐกิจปากท้อง
ดังนั้น เมื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” เปลี่ยนสัญญาณจาก ถีบถอย สู่ รุกแบบมีกลยุทธ์ ขีดเส้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นเรื่องของ “รัฐสภา” ไม่ให้ม็อบมวลชนใช้เป็น “วาระประกาศชัยชนะ” ได้
ประกอบกับ การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน และมีสิทธิทำประชามติถามประชาชนก่อนที่จะลงมือให้ ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้รับการต่อออกซิเจนทางการเมืองเรียบร้อยแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง