ไม่พบผลการค้นหา
กรมควบคุมมลพิษ เผย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 'อากาศปิด' ทำให้มีการสะสมของฝุ่นละอองในอากาศเพิ่มขึ้น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก และติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่าสถานการณ์ PM2.5 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประจำวันที่ 21 ธ.ค. 2561 โดยสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของ คพ. และกรุงเทพมหานคร พบว่าปริมาณ PM2.5 บริเวณพื้นที่ริมถนนตรวจวัดได้ระหว่าง 65-103 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ 20 พื้นที่ 

ส่วนในพื้นที่ทั่วไปตรวจวัดได้ระหว่าง 55-96 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ 14 พื้นที่ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการจราจร ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาที่มีหมอกในตอนเช้า อากาศนิ่ง และมีสภาพอากาศปิด ทำให้มีการสะสมของฝุ่นละอองในอากาศเพิ่มขึ้น 

นายประลอง กล่าวว่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ คพ.ประสานแก้ไขปัญหาร่วมกับกรุงเทพมหานคร จังหวัดปริมณฑล กรมอนามัย กรมควบคุมโรค กองบังคับการตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหา PM2.5 ซึ่งจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีการติดตามตรวจสอบและรายงานสถานการณ์ PM2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 

การคาดการณ์และแจ้งเตือนประชาชนรับทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง การดำเนินการ 1 เขต 1 ถนนสะอาด การตั้งจุดตรวจจับรถควันดำและบังคับ ใช้กฎหมาย การตั้งจุดตรวจสอบควันดำจากรถโดยสารสาธารณะ การเพิ่มความถี่ในการล้างถนนและดูดฝุ่นถนน การรณรงค์เรื่องการดูแลรักษารถเพื่อลดมลพิษ การควบคุมฝุ่นละอองจากกิจกรรมการก่อสร้าง สื่อสารแนะนำการปฏิบัติตนแก่ประชาชน รวมถึงการขอความร่วมมือประชาชนและผู้ประกอบการงดใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เปลี่ยนมาใช้ระบบสาธารณะ งดการเผาในที่โล่งทุกประเภท และขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งงดใช้รถยนต์ที่มีควันดำอย่างเด็ดขาด 

พร้อมกันนี้ คพ. ได้ร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจรตั้งจุดตรวจจับรถควันดำบริเวณถนนกาจญนาภิเษก เพื่อควบคุมกำกับดูแลการระบายมลพิษจากยานพาหนะให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดและเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองจากยานพาหนะ ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของปัญหา 

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด อย่าตื่นตระหนก กลุ่มคนทั่วไปสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ สำหรับกลุ่มเสี่ยงได้แก่ เด็ก คนชรา หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว หมั่นสังเกตอาการ หากผิดปกติให้ไปพบแพทย์ และคาดการณ์ว่าภายใน 2-3 วันสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ โดยสามารถติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศทันสถานการณ์ ผ่าน เว็บไซด์ www.air4thai.pcd.go.th และ แอปพลิเคชัน air4thai

ข่าวที่เกี่ยวข้อง