ไม่พบผลการค้นหา
'จุรินทร์' เผยกิจกรรมจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปหาเงินเข้าประเทศไทยได้กว่า 7 พันล้านบาท ปัดตอบเรื่องเป้าหมายส่งออกปีนี้ ตอบกระทู้สดแจงราคาข้าวเปลือกตก กรมการค้าภายในหารือหน่วยงานเกี่ยวข้อง ออก 3 มาตรการพยุงราคา

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเปิดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป ในวันที่ 20 พ.ย. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ ว่า กิจกรรมจับคู่ธุรกิจ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นกิจกรรมในส่วนในการเร่งรัดการส่งออกของไทย ควบคู่กับการจัดคณะภาคเอกชนไปร่วมงานหรือเจรจาการค้าในต่างประเทศ 

สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้การพบปะเจรจาระหว่างผู้ส่งออกไทย 190 บริษัท กับผู้นำเข้าจากทั่วโลก 176 บริษัท ในกลุ่มข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ผลไม้แปรรูป และพลาสติกชีวภาพ โดยผลเจรจาได้บรรลุ 2 ส่วน คือ

  • ส่วนที่หนึ่ง การลงนามซื้อขาย 14 ฉบับ ประกอบด้วยขายข้าว 1.45 แสนตัน มูลค่า 4 พันล้านบาท ผลไม้แปรรูป (เช่น มะขามหวาน) 520 ตู้ มูลค่า 34 ล้านบาท ลงนามขยายช่องทางออนไลน์กับแพลตฟอร์มอินเดียที่มีการค้าขายทั่วโลก 12 ล้านคน คาดทำตัวเลขกว่า 150 ล้านบาทใน 2 ปี และอื่นๆ เช่น น้ำมันรำข้าว รวมมูลค่าส่วนนี้ 4,160 ล้านบาท 
  • ส่วนที่สอง การเจรจาสั่งซื้อล่วงหน้าและเตรียมทำสัญญาอีก 2,840 ล้านบาท

รวมทั้งสองส่วนได้สร้างมูลค่าส่งออกประมาณ 7 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ยังได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดกิจกรรมพบปะและเจรจาการค้าต่อเนื่องและเชิงรุกมากขึ้นในปี 2563 โดยช่วงไตรมาสแรกจะเน้นผลักดันผลไม้ ที่จะมีการจัดกิจกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตลาดเป้าหมายครบคลุมทั้งหมด ทั้งจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี อาเซียน ยุโรป สหรัฐ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา      

"เรื่องตัวเลขส่งออกอยู่ระหว่างการจัดทำ โดยเบื้องต้นสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้ประเมินจากปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ พบว่า แนวโน้มการส่งออกในไตรมาส 4 ปีนี้จะกลับมาเป็นบวก ซึ่งในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ก็จะมีแถลงตัวเลขส่งออกเดือนตุลาคม รวมถึงประเมินว่าแนวโน้มการส่งออกปี 2563 จะกลับมาเป็นบวก แต่จะมากหรือน้อย ผมไม่อยากระบุเพราะไม่อาจสั่งการให้ว่าต้องทำตัวเลขเท่านั้นทีนี่ แต่สั่งการว่าให้รุกทำงานเต็มที่ ถ้าลบต้องลบน้อยที่สุดถ้าบวกต้องบวกให้มากที่สุด จะได้ถึงร้อยละ 3 ไหมต้องดูปัจจัยต่างๆ ก่อน" นายจุรินทร์ กล่าว

ตอบกระทู้สด ราคาข้าวตก ออก 3 มาตรการพยุงราคา

อีกทั้งในช่วงบ่ายวันเดียวกันที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสด โดยมีคำถามต่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับปัญหาราคาข้าว ที่เข้าร่วมโครงการประกันรายได้ของเกษตรกร     

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ความชื้นสูง ทำให้คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ราคาข้าวจึงมีราคาต่ำลง ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ก็ได้มีมาตรการเสริมโดยกรมการค้าภายในได้ประชุมระดมความคิดเห็นกับทั้งโรงสี สหกรณ์การเกษตร ธกส. สมาคมธนาคาร เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน ซึ่งมี 3 มาตรการเสริม

นอกจากนี้ พยายามเร่งรัดการส่งออกไป ทั้งจีน ตุรกี เยอรมัน อินเดีย ปรากฏผลว่า สามารถที่จะทำสัญญาระบายข้าวออกไปได้ เช่น ที่อินเดียซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหม่ของไทยก็สามารถดำเนินการขายได้จำนวนหนึ่ง และที่ตุรกีซึ่งตนเพิ่งกลับมา ก็สามารถขายข้าวได้ 11,000 ตัน ทั้งเป็นข้าวขาว และเป็นข้าวถุง และก่อนที่ตนมารัฐสภา กระทรวงพาณิชย์เชิญผู้นำเข้า 190 บริษัททั่วโลก มาพบกับผู้ส่งออกของเรา 176 บริษัท และเจรจาซื้อขายพืชเกษตรกันทั้งข้าว มัน ยาง ผลไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ เฉพาะข้าวทำ MOU ได้ 146,000 ตัน มูลค่า 4,000 ล้านบาท และตนเพิ่งได้พบสมาคมผู้นำเข้าข้าวจากฮ่องกงยังยืนยันว่าจะเร่งรัดการนำเข้าจากประเทศไทยเพราะข้าวไทยมีคุณภาพและเราเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันและปีหน้าจะช่วยซื้อข้าวไทยมากขึ้นจากคำร้องขอจากรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จากประเทศไทย      

นอกจากนั้น นายจุรินทร์ ยังชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาข้าว เพื่อจ่ายส่วนต่างโครงการประกันรายได้ข้าว ซึ่งเป็นโครงการหลัก คือ ราคาอ้างอิง โดยคำนวณมาจาก 3 แหล่ง 1.ราคาข้าวสารและผลิตภัณฑ์ทอนจากข้าวเปลือก 2.ราคาข้าวเปลือกจากกรมการค้าภายใน 3.ราคาข้าวเปลือกจากสมาคมโรงสี ซึ่งเฉลี่ย 3 แหล่งนี้ใน 15 วันทำการ ไม่นับเสาร์ - อาทิตย์ การจ่ายเงินส่วนต่างนั้นที่ผ่านมามีการจ่ายเงินส่วนต่างไปแล้ว ทั้งปาล์ม ข้าว ยาง ซึ่งข้าวนั้นจ่ายงวดแรกไปตั้งแต่ วันที่ 15 ตุลาคม 2562 ซึ่งจะจ่ายทุกๆ 15 วัน

สำหรับการซื้อข้าวของโรงสีนั้น เป็นข้าวที่รับซื้อโดยระบุเปอร์เซ็นต์ความชื้นตามกำหนดที่ระบุของชั่งตวงวัด ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งหากมีโรงใดมีการเอาเปรียบเกษตรกรสามารถแจ้งมาได้ที่ กรมการค้าภายใน หรือแจ้งมาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กรณีถ้าภัยแล้งนั้นในส่วนนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์แต่ขอตอบเพียงว่าเงินภัยแล้ง รัฐบาลมีการการชดเชยภัยแล้ง และการชดเชยน้ำท่วม

"ถึงแม้ว่าจะประสบภัยแล้งหรือน้ำท่วมท่านก็จะได้เงินส่วนต่าง (โครงการประกันรายได้) โดยท่านจะต้องระบุลงทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรว่าข้าวนั้นปลูกกี่ไร่ เก็บเกี่ยววันไหน" นายจุรินทร์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :