ไม่พบผลการค้นหา
องค์กรเครือข่ายนักวิชาการ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ห่วงเหตุการณ์การบีบบังคับไม่ให้มีการนำเสนอรายงานข่าวปัญหา เรียกร้องรัฐบาล อย่าจำกัดเสรีภาพ ภายใต้ข้ออ้าง 'สุขภาพนำเสรีภาพ'

เครือข่ายนักวิชาการ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ออกแถลงการณ์ เรื่อง 'ปราศจากเสรีภาพย่อมปราศจากสุขภาพที่ดี จากการอ้างถึง "สุขภาพนำเสรีภาพ" ในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และการประกาศเคอร์ฟิว การห้ามออกจากเคหะสถานในยามค่ำคืนตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เครือข่ายนักวิชาการ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคมมีความกังวลว่าความหมายและท่าทีของนโยบาย "สุขภาพนำเสรีภาพ" กำลังก่อให้เกิดความสับสน และสร้างปัญหาทับซ้อนในการรับมือกับการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ (pandemic) ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย

เนื่องจากหลักการ "เสรีภาพ" เชื่อมโยงโดยตรงถึงสิทธิมนุษยชนในหลายมิติ เช่น สิทธิพลเมือง สิทธิชุมชน สิทธิในชีวิตและทรัพย์สิน สิทธิในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพและบริการจากรัฐ สิทธิในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร รวมถึงสิทธิในการรับรู้ข่าวสาร ฯลฯ ภายใต้แนวทางการจัดการสุขภาพที่ขาดมิติเสรีภาพและไม่เคารพหลักการสิทธิมนุษยชน ย่อมจะนำไปสู่ปัญหาเชิงสุขภาพและสังคมที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น

ยกกรณีข่าว 'กักตัวทั้งครอบครัว มีลูกสาวคนเดียวส่งข้าวส่งน้ำ'

ดังกรณีที่สื่อ ปาตานีโนตส์ (Patani NOTES) ได้นำเสนอข่าวใน หน้าเฟซบุ๊ค (Facebook page) Patani NOTES ภายใต้หัวข้อ "กักตัวทั้งครอบครัว มีลูกสาวคนเดียวส่งข้าวส่งน้ำ" ในวันที่ 1 เมษายน 2563 ซึ่งเป็นการรายงานเรื่องราวร้องทุกข์ของครอบครัวหนึ่งในตำบลยะรัง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ที่ได้รับคำสั่งให้กักตัวภายในบ้านเป็นเวลา 14 วันโดยที่ ณ เวลานั้นยังไม่เข้าใจถึงรายละเอียดของการกักตัว หรือ มาตรการในการช่วยเหลือที่ชัดเจน จนทำให้เกิดความกังวลถึงชีวิตความเป็นอยู่และปากท้องในช่วงเวลาดังกล่าว 

การนำเสนอข่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาและการปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและสุขภาพของประชาชน หากในเวลาต่อมา ปาตานีโนตส์กลับถูกคุกคามและกดดันอย่างหนักจากกลุ่มบุคคลที่อ้างว่า การนำเสนอข่าวเช่นนี้เป็นอุปสรรคต่อการให้บริการด้านสุขภาพของภาครัฐ จนทำให้ต้องถอดข่าวนี้ออกจากพื้นที่สื่อไปในช่วงค่ำของวันที่ 3 เมษายน 2563  

กรณีปาตานีโนตส์สะท้อนว่าแนวคิด "สุขภาพนำเสรีภาพ" นั้น ได้นำไปสู่การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่ลิดรอนสิทธิของสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ประชาชนสูญเสียพื้นที่ในการร้องทุกข์ ซึ่งซ้ำเติมประชากรกลุ่มเปราะบางที่มีฐานทรัพยากรน้อย คนเหล่านี้เป็นผู้ที่ไร้สิทธิไร้เสียง (voiceless) ในสังคม การเบี่ยงประเด็นให้ปัญหาสุขภาพเป็นเพียงการควบคุมผู้คนไร้สิทธิ ไร้เสียง ยิ่งทำให้พวกเขาไม่อาจส่งเสียงความทุกข์ร้อนและปัญหาของตนเอง

เนื่องจาก "เสียง" ที่ถูกส่งออกมาจะกลายเป็นสิ่งที่ขัดกับนโยบายรัฐ และจะกลายเป็นการรุกรานละเมิดความปลอดภัยและสุขภาพของส่วนรวมไปในทันที คำประกาศของนายกรัฐมนตรี ดังกล่าวจึงส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง ทำให้พวกเขาไม่มีทั้งเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน และไม่มีสุขภาพ (ที่ดี) ไปในเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ช่องว่างในการปฏิบัติงานหรือข้อผิดพลาดในการสื่อสาร ระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชน เป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั่วไปใน สภาวะวิกฤติ ความเข้าใจต่อมาตรการต่าง ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงและมี รายละเอียดเชิงเทคนิคไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะทำความเข้าใจในหมู่ประชาชน อีกทั้งข้อเท็จจริงในการนำเสนอข่าวควรเป็นเป็นเรื่องที่สังคมวงกว้างได้มีส่วนร่วมในการพิจารณา ทั้งยังเป็นโอกาสให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการได้รับทราบเสียงสะท้อนของประชาชน เพื่อเป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป

ร้อง 3 ข้อปกป้องเสรีภาพ กระจายความเป็นธรรม

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการรักษาพื้นที่ส่งเสียง (voice) ความ เดือดร้อนของประชาชน เนื่องจากหากมีเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสาร ก็จะมีโอกาส "กระจายความเป็นธรรม" (distributive justice) สู่ประชาชน กลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบางมากขึ้น ซึ่งเป็นการส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึงความช่วยเหลือหรือบริการจากภาครัฐที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงเวลาวิกฤติ เครือข่ายนักวิชาการ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ทั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และในที่อื่นทั่วประเทศตามรายชื่อแนบท้ายจำนวน 150 คน และ 15 เครือข่าย/องค์กร จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล องค์กรสิทธิมนุษยชน องค์กรสื่อ และสังคมไทยดังนี้

ข้อที่ 1 ขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาครัฐ เร่งทบทวนแนวนโยบาย "สุขภาพนำเสรีภาพ" โดยปกป้องคุ้มครอง สิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร และรักษาพื้นที่ของการ นำเสนอทุกข์ร้อนของประชาชน ซึ่งสามารถนำไปเป็นข้อมูลในการ ปรับปรุงแก้ไขการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยไม่ควรมองว่าเสียงเหล่านั้นเป็นคู่ขัดแย้งหรืออุปสรรคของการทำงานจัดการวิกฤติด้านสุขภาพของภาครัฐ ซึ่งต้องการความจริงใจในการแก้ปัญหา

ข้อที่ 2 ขอเรียกร้องให้องค์กรสิทธิมนุษยชนและองค์กรสื่อในระดับท้องถิ่น จนถึงระดับประเทศ ได้จับตาและเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ถึงผลพวงที่เกิดขึ้นจากคำประกาศ "สุขภาพนำเสรีภาพ" อันอาจจะเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เป็นข้ออ้างในเชิงการเมือง และให้ใช้กลไกสิทธิมนุษยชนทุกระดับเพื่อปกป้อง คุ้มครองเสรีภาพของสื่อ ในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร โดยมีการตอบสนองอย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุการณ์คุกคามสื่อ

ข้อที่ 3 ขอเรียกร้องให้ประชาชนเชื่อมั่นในสิทธิ สวัสดิภาพในชีวิตความเป็นอยู่ และเสียงของประชาชน ซึ่งภาครัฐมีหน้าที่ปกป้อง คุ้มครอง และส่งเสริมไปพร้อมกับได้รับการดูแลด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นความมั่นคงในชีวิตอย่างไม่แยกส่วนกัน กล่าวคือ "สุขภาพต้องการเสรีภาพ" โดยไม่อาจขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ ทั้งนี้ประชาชนพึงตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมโดยรวมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ด้วย

ด้วยความศรัทธาเชื่อมั่นว่า "สุขภาพต้องการเสรีภาพ" เครือข่ายนักวิชาการ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม

สำหรับรายชื่อแนบท้าย ประกอบไปด้วย

1. Hara Shintaro (นักวิชาการอิสระ)

2. เกษม เพ็ญภินันท์

3. เกษียร เตชะพีระ 

4. เกียรติศักดิ์ บังเพลิง 

5. เคท ครั้งพิบูลย์ (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

6. เชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์

7. เดชรัต สุขกำเนิด (นักวิชาการเศรษฐศาสตร์)

8. เบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว (มหาวิทยาลัยมหิดล)

9. เยาวนิจ กิตติธรกุล (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์)

10. เยาวลักษ์ อนุพันธุ์ 

11. เวียง-วชิระ บัวสนธ์ (บรรณาธิการสำนักพิมพ์สามัญชน)

12. เสาวณิต จุลวงศ์ (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

13. เสาวนีย์ อเลกซานเดอร์

14. เอกสิทธิ์ หนุนภักดี (คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

15. แพร จิตติพลังศรี

16. ไชยันต์ รัชชกูล (คณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา)

17. กนกวรรณ มะโนรมย์ (มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี)

18. กรกนก คำตา (การเมืองหลังบ้าน)

19. กรพนัช ตั้งเขื่อนขันธ์

20. กฤดิกร วงศ์สว่างพานิช 

21. กฤษณ์พชร โสมณวัตร (คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

22. กฤษณะ โชติสุทธิ์ 

23. กิตติ วิสารกาญจน (มหาวิทยาลัยศิลปากร)

24. กุสุมา กูใหญ่ (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)

25. กุสุมา จันทร์มูล (การเมืองหลังบ้าน)

26. คมลักษณ์ ไชยยะ (มหาวิทยาลัยราชัฎพระนครศรีอยุธยา)

27. คอรีเยาะ มานุแช (ทนายความ)

28. คารินา โชติรวี

29. งามศุกร์ รัตนเสถียร (สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล)

30. จารียา อรรถอนุชิต (คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี 

31. จุฑามาส ศรีหัตถผดุงกิจ (นักกิจกรรม)

32. ชญานิษฐ์ พูลยรัตน์

33. ชลัท ศานติวรางคณา

34. ชลิตา บัณฑุวงศ์ (ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)

35. ชวินโรจน์ ธีรพัชรพร

36. ชัชวาล ปุญปัน (ข้าราชการบำนาญ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

37. ชัยพงษ์ สำเนียง (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

38. ชัยพร สิงห์ดี 

39. ชาญคณิต อาวรณ์ (มหาวิทยาลัยพะเยา)

40. ชาญณรงค์ บุญหนุน (ภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยศิลปากร)

41. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ

42. ชิงชัย เมธพัฒน์ (นักวิชาการอิสระด้านมานุษยวิทยาการแพทย์)

43. ซัมซู สาอุ (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)

44. ณภัค เสรีรักษ์ 

45. ณรงค์ฤทธิ์ สุมาลี (มหาวิทยาลัยนครพนม)

46. ณรรธราวุธ เมืองสุข (สื่อมวลชนอิสระ)

47. ณัชปกร นามเมือง (iLaw)

48. ณัฐดนัย นาจันทร์

49. ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุล (คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

50. ดลยรัตน์ บากา

51. ดารณี ทองศิริ

52. ตะวัน วรรณรัตน์ (มหาวิทยาลัยศิลปากร)

53. ถนอม ชาภักดี

54. ทวีศักดิ์ ปิ (โครงการจัดตั้งสมาคมเพื่อการศึกษาและการพัฒนา)

55. ทัศนัย เศรษฐเสรี (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

56. ธนภาษ เดชพาวุฒิกุล (สำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์)

57. ธนรัตน์ มังคุด (สำนักวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์)

58. ธนศักดิ์ สายจำปา (สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช)

59. ธวัช มณีผ่อง (มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี)

60. ธีรวัฒน์ ขวัญใจ (คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์)

61. ธีระพล อันมัย (คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี)

62. นราสิทธิ์ วงษ์ประเสริฐ (มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี)

63. นัทมน คงเจริญ (คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

64. นาตยา อยู่คง (มหาวิทยาลัยศิลปากร)

65. นิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์

66. นิมิตร์ เทียนอุดม

67. บัณฑิต ไกรวิจิตร (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)

68. บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ 

69. บารมี ชัยรัตน์ (สมัชชาคนจน)

70. บุญเลิศ วิเศษปรีชา (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

71. บุศรินทร์ เลิศชวลิตสกุล

72. ประภัสสร์ ชูวิเชียร มหาวิทยาลัยศิลปากร

73. ปรัชญเกียรติ ว่าโร๊ะ

74. ปรัชญา โต๊ะอิแต 

75. ปราโมทย์ ระวิน

76. ปวินท์ ระมิงค์วงศ์ (มหาวิทยาลัยพะเยา)

77. ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี (คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

78. พงษ์ศักดิ์ รัตนวงศ์ (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

79. พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ (นักกิจกรรมอิสระ)

80. พรรณราย โอสถาภิรัตน์ (คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

81. พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์ 

82. พันธุ์พิพิธ พิพิธพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)

83. พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์

84. พิภพ อุดมอิทธิพงศ์

85. พิสิษฏ์ นาสี (คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

86. ภัควดี วีระภาสพงษ์

87. ภาสกร อินทุมาร (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

88. มนตรา พงษ์นิล (คณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา)

89. มัจฉา พรอินทร์ (สร้างสรรค์อนาคตเยาวชน)

90. มัทนา เชตมี (การเมืองหลังบ้าน)

91. มาหามะสาบรี เจ๊ะเลาะ

92. มูฮัมหมัดอิลยาส หญ้าปรัง (มหาวิทยาลัยรามคำแหง)

93. ยศ สันตสมบัติ

94. ยุกติ มุกดาวิจิตร (คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

95. รชฎ สาตราวุธ (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)

96. รัตนา โตสกุล (ข้าราชการบำนาญ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

97. รามิล กาญจันดา

98. รุ่งทิพย์ จันทร์ธนะกุล (มหาวิทยาลัยศิลปากร)

99. รุสนันท์ เจ๊ะโซ๊ะ (มหาวิทยาลัยมลายา)

100. ลม้าย มานะการ

101. วลักษณ์กมล จ่างกมล (คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)

102. วันพิชิต ศรีสุข (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)

103. วาสนา ละอองปลิว 

104. วิจิตรา เตรตระกูล

105. วินัย ผลเจริญ (วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :