ไม่พบผลการค้นหา
เปิดใจแม่ค้าผลไม้วัย 67 ผู้ได้รับการสรรเสริญจาก "ราษฎร" ว่าเป็นเครื่องด่าของฝ่ายประชาธิปไตย

ยกขาถีบบ้าง ชูนิ้วกลางใส่บ้าง 

มากๆ เข้า ตะโกน “ไอ้หน้า ห.” ตามด้วย

อิริยาบถดิบๆ ซื่อๆ ตรงไปตรงมาของ "ป้าเป้า" วรวรรณ แซ่อั้ง เป็นภาพติดตาของเหล่าคนหนุ่มสาว “ราษฎร”

20210509-ป้าเป้า_Patipat_V_005.jpg

แทบทุกครั้งที่เธอออกมาร่วมชุมนุมขับไล่เผด็จการกับคนรุ่นลูกรุ่นหลาน ไม่มีครั้งไหนที่เธอจะไม่ด่าด้วยภาษาราวฤทธิ์มีดสั้น กระชับ-ไม่ต้องตีความ

ป้าเป้าถูกยกให้เป็นเครื่องด่าเผด็จการแห่งยุคสมัย วัยรุ่นไม่น้อยเรียกเธอว่า “พระมหาเทวีเป้า” ว่าแต่ตัวตนเธอเป็นอย่างไร 

เป็นคนเอาแต่ด่าหยาบคายจริงหรือ

“พูดเพราะๆ ก็พูดได้ ยายน่ะ”

“เกิดมาก็ไม่มีความรู้หรอก แต่ยายรู้ว่าคนนี้มายังไง สมควรจะพูดยังไง ถ้าอย่างกับพวกเหี้ยนั่นพูดไม่เป็น พอเข้าไปกรมตำรวจที่ไรก็ต้องด่ามัน เพราะมึงสองมาตรฐาน มึงร่วมหัวกันปล้นประชาชน มึงรวมกันหมด แล้วประชาชนจะไปพึ่งใคร ถ้าไม่พึ่งตัวเอง”

น้ำเสียงของเธออ่อนโยน ราวกับคนละคนที่ยืนชี้หน้าด่าตำรวจตอนไล่จับผู้ชุมนุม

ไม่ใช่แค่ออกจากบ้านมายืนด่า หลายค่ำคืน เธอหยัดยืนศรัทธาในทัศนะของผู้ต้องหาทางความคิด-ที่ถูกขังนานแรมเดือน หลับนอน-อดหารอยู่หน้าศาลอาญา ตาม 'เพนกวิน' แกนนำราษฎรที่ประกาศอดอาหารไปก่อนหน้านั้น

“คนที่เป็นประชาธิปไตยนะคะ ช่วยกันออกมา วรวรรณ แซ่อั้ง เป็นนักประชาธิปไตย ถึงจะไม่มีเกียรติ ไม่มีปริญญา แต่สมองยายน่ะมันไปมากกว่าไอ้พวกที่มีปริญญานะคะ” 

ป้าเป้า ม็อบ 11 สิงหาคม ตำรวจ -4DF4-4A2A-B0E6-CA294100A4A2.jpeg20210509-ป้าเป้า_Patipat_V_015.jpg

สมัยวัยรุ่น 

ป้าเป้า เกิด อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี พอโตประมาณอายุ 14 ก็ไปอยู่อุบลราชธานี เธอเล่าว่า ตอนนั้นพวกอเมริกันยังเยอะอยู่ เลยได้เข็นของขาย พ่อแม่ทำของให้ขาย เธอก็ไปขาย 

“ขายแตงโมบ้าง ขายผลไม้บ้าง แล้วแต่ตามหน้าฤดู ขายของมาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะพ่อแม่ไม่ยอมให้ไปเป็นขี้ข้าใคร ว่าลูกทำมาหากินนะ รวยจนช่างมันแต่อย่าไปเป็นลูกจ้างเขา แกสอนให้ไม่เล่นการพนัน” 

“ยายไม่เล่นการพนัน ได้แต่กิน ได้แต่แต่งตัวนิดหน่อย เที่ยวก็ไม่เที่ยว เหล้า บุหรี่ ก็ไม่กินไม่ดูด”

20210509-ป้าเป้า_Patipat_V_012.jpg

พอเริ่มแตกเนื้อสาว เธอบอกว่าอยากเห็นกรุงเทพฯ 

“ยายหนีจากบ้านออกมาอยู่แถวสะพานวันชาติ กรุงเทพฯ ปีนั้นประจวบเหมาะเลย 14 ตุลาคม (2516) พอดี”

“ตอนนั้นยายอายุ 17 แหละมั้ง กำลังเป็นสาวเลย กำลังดื้อเลย ไปวิ่งกับเขา”

ใช่, นักศึกษาประชาชนวิ่งหนีลูกปืนกันโกลาหล เธออยู่ในที่เกิดเหตุ พื้นที่ทาางประวัติศาสตร์ด้วย 

“แหม ไอ้เหี้ยนั่นมันขี่เฮลิคอปเตอร์ ยิงตับๆๆๆ เราหมอบกันฉิบหายวายป่วงหมด ดีไม่ตาย” 

“ถ้าตายพ่อแม่คงจะหาศพไม่เจอ เพราะว่าตอนนั้นวิ่งอยู่นั่นแหละ ณรงค์ ถนอม ไอ้ชุดนั้นแหละ ยายก็มาวิ่งกับเขา” ป้าเป้าเล่าทำสีหน้าขึงขัง ก่อนจะปรับอารมณ์ไม่ให้คนฟังทันตั้งตัว

“พ่อแม่ตามหาจนไม่สบาย จนป่วย ลูกสาวหนี ลูกสาวก็สวยด้วย” เธอหัวเราะร่วน 

มากรุงเทพฯ ไม่ได้พกอุดมการณ์มาเพื่อโค่นล้มเผด็จการเป็นหลัก แต่ป้าเป้าตั้งใจมาหาประสบการณ์ตามวัย 

เธอเริ่มเป็นลูกจ้างร้านก๋วยเตี๋ยว รับหน้าที่ล้างถ้วยล้างชาม

“เจ้าของร้านเขาก็รัก ตอนนั้นเงินเดือน เดือนละ 150 บาท” 

20210509-ป้าเป้า_Patipat_V_008.jpg

สมัยมีความรัก

ป้าเป้าบอกว่าเธอมีแฟนตอนอายุ 20 แต่ไม่ทันจะสาธยายถึงความโรแมนติก เธอกระชากเข้าสู่โลกความจริงทันที

“แฟนเจ้าชู้ เราก็ค้าขายไป เลี้ยงลูกไป สุดท้ายก็เลิกกัน”

“ยายเป็นคนแบบว่า ถ้ารู้ว่าคนนี้เป็นคนไม่ดีนะ หลอกลวง ยายก็ไม่คบ แต่ว่าเถียงกันไง แล้วบอกเขา เขาไม่เชื่อ ยายชอบคบคนดี คนทำมาหากิน” 

“ไม่มี ยืมได้ แล้วก็เอามาคืนเรา ยายให้โอกาสเพื่อนฝูงทุกคน ยายถึงไม่มีเงินไง ยายให้เขาทุกคนแหละ ให้จนไม่มีเหลือ ลูกก็ด่าฉิบหาย” ป้าเป้าปล่อยเสียงหัวเราะ

กระทั่งเดินทางออกจากโลกใบเก่า เข้าสู่โลกใบใหม่ ยึดอาชีพหมอนวดเลี้ยงชีพ ดูเหมือนป้าเป้าจะมีความรักอีกครั้ง

“ยายก็ได้เถ้าแก่นะ แต่ยายไม่เอาของเขา รวย รวยมาก ยายเป็นหมอนวดนะ เขาดีนะ แต่ยายไม่ได้เอาไรหรอก แหมบางคนนี่หลอกเอารถเอาบ้าน ยายทำไม่ได้” 

“เขาให้ใช้ตามเนื้อตามน้ำ เราคิดว่าเนื้อผ้าตัวเองราคาไหน อย่าไปหลอกเขาเลย เดี๋ยวลูกเมียเขารู้ สงสารแก”

“ไม่ได้เอา ก็ได้แต่กินได้แต่ใช้ เดือนนึง 4-5 หมื่น ตอนนั้น 4-5 หมื่นก็ดีแล้ว ทองบาทหนึ่งแค่ 4-5 พัน”

“รักแกอยู่ เพราะว่าคนเราเหมือนกับมีบ้านที่อบอุ่น ถึงเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แกก็รักเราอ่ะนะ แกก็ห่วง อยากได้อะไรเขาก็ให้หมดแแหละ แต่แกแก่ แกแก่กว่าแม่กว่าพ่อเราอีก” คราวนี้ป้าเป้าปล่อยขำหนักกว่าเดิม

MVP ป้าเป้า  ม็อบ หมอชนะ ไทยชนะ เราชนะ

สมัย ‘เสื้อแดง’ สู่ ‘ราษฎร’

ป้าเป้าออกตัวว่าเป็นคนเสื้อแดง เริ่มชุมนุมมาตั้งแต่หลังปี 2549 เพราะไม่ชอบพวกเผด็จการที่มารัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร

จวบจนเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 เธอสวมเสื้อแดง ออกมาร่วมกินนอนค้างแรมกลางถนน

“วันนั้น ตกกลางคืน ราววันที่ 13 พฤษภาฯ ที่มันสลาย พวกยายไม่มีอะไรกินกัน ก็เดินไปเซเว่น แต่เซเว่นปิด ผู้ชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 30-40 นี่แหละ มันเดินหน้า ยายเดินหลัง เราก็คิดว่า อ้าว ไอ้เหี้ยนี่ยังหนุ่มยังแน่น มาเป็นลมตายแล้ว สงสัยมันหิวข้าวมั้ง ก็เรียกคนมาเอามัน ที่ไหนได้”

แต่ไม่ใช่ ?

“พอไปดู กระสุนมันเข้านี่” ป้าเป้าทำมือลูบที่ต้นคอท้ายทอยของตัวเอง  

“น้องสาวยายอยู่กับเกด (กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกทหารยิงตายในวัดปทุมฯ) ยายเข้า รพ.ตำรวจ น้องสาวอยู่ในวัดปทุมฯ โหย มันถือปืนนะ ไอ้พวกนี้ (น้องสาว) อยู่ใต้รถกระบะ” 

ป้าเป้าแผดเสียงเล่าจำลองเป็นทหารว่า “ให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกเลี้ยงเต้า เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ไม่อยู่ มาทำเหี้ยอะไร” 

“มันถือปืนจะยิง แล้วก็จับคนที่อยู่ใต้รถไป ไอ้พวกนี้จะตด จะพูด จะไอก็ไม่ได้ ต้องหุบปากไว้” 

“คนไทยมันเห็นแก่เงิน เห็นแก่ยศ ตำแหน่ง แล้วมันก็มาฆ่าคนไทยด้วยกัน มันถูกไหมล่ะ” 

“ทำไมล่ะ มึงเกิดมาเพื่ออะไร แล้วเงินมึงได้มา มึงตายมึงเอาไปได้ไหม ยศตำแหน่งมึงเอาไปทำอะไร เขารู้แล้วว่าอีนี่นามสกุลนี้ ลูกหลานทรราช ขี้โกงประเทศไทย” 

“ยาย ป.4 เรียนไม่จบ แต่ยายรู้นะว่าอะไรเป็นอะไร ทำไม คนเราเหมือนครอบครัว พ่อแม่สอนให้ลูกดี ลูกก็ต้องดีใช่ไหม ถ้าสอนให้ลูกเป็นโจร ลูกมันก็ต้องเป็นโจร จริงเปล่า คนจีนที่เขาทำมาหากิน เพราะเขาสอนให้ลูกเขาทำมาหากิน ใช่ไหม” 

“แต่ไอ้พวกเหี้ยนี่สอนให้ลูกเป็นโจร ไม่ทำมาหาแดก แดกแต่เงินภาษีเรา ไม่ทำก็มีแดก พวกเราถ้าไม่ทำจะมีแดกไหมล่ะ มันตื่นขึ้นมาก็มีแดกแล้ว มันสบายไง แต่มันไม่นึกถึงประชาชนที่เขาลำบากอีกเท่าไหร่”  

ป้าเป้าพูดถึงคนหนุ่มสาวว่า “เหมือนเด็กๆ อย่างเนี้ย มึงยังจับข้อหาเขาไม่ได้เลย ว่าเขาทำอะไรผิด หลักฐานก็ไม่มี แค่คำพูด ใช่ไหม แต่มึงไม่ยอมรับ ทำไมล่ะ มึงก็ยัง... อย่าให้พูดเดี๋ยวติดคุก แล้วทำไมอ่ะ มึงจะตายเหรอ มึงก็ยังมีกินทั้งตระกูล” 

“ชีวิตพวกมัน มันก็สละแล้ว ไม่มีค่าแล้ว แล้วมึงจะทำไปทำไม ยายยังสละเลย กูไม่มีค่าหรอก แต่กูมีค่าสำหรับเด็ก สำหรับประชาธิปไตย” 

“เด็กมันก็คิดของมันถูกแล้ว ยายเป็นกำลังใจ ยายจะอยู่ข้างเด็ก ข้างประชาชน ถึงจะไม่มีอะไร มือเปล่านี่แหละ เดี๋ยวยายก็ไปแหกหีให้มันดู กูมาเนี่ยกูมีแต่หี กู ป.4 ไม่จบ แต่กูสามารถมาด่ามึงได้” 

ในวัย 67 ป้าเป้า ขายผลไม้ไปด้วย ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยไปด้วย แววตาเเธอแน่วแน่ น้ำเสียงไม่มีอ่อนแรง เมื่อตั้งหน้าด่าแล้ว เหมือนเครื่องยนต์ไม่มีเกียร์ถอย

“มึงอยากอยู่แผ่นดินแบบไหน มึงก็เลือกเอาสิ อยากเป็นขี้ข้า อยากเป็นทาส มึงก็เอา กูไม่เป็น” 

20210509-ป้าเป้า_Patipat_V_014.jpg20210509-ป้าเป้า_Patipat_V_003.jpg


เรื่อง : ธิติ มีแต้ม / ภาพ : ปฏิภัทร จันทร์ทอง

ธิติ มีแต้ม
สื่อมวลชน
27Article
0Video
0Blog