ไม่พบผลการค้นหา
ม็อบลิเบอร์ต้า ทวง 5 ข้อเรียกร้องนายกฯ หมอร่วมปราศรัย ห่วงเกิดการกักตุนเครื่องตรวจโควิด ชี้ไวรัสลามเพราะรัฐบาลประมาท และมัวแต่โทษประชาชน จี้นำวัคซีน mRNA มาฉีดให้ประชาชนด่วน

ที่บริเวณประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มลิเบอร์ต้า (Libertà) นำโดย ธัญญศิษฐ์ อิงคยุทธวิทยา และ สัณหณัฐ ศรัทธาพร จัดกิจกรรมทวงถาม 5 ข้อเรียกร้องเพื่อการแก้ไขวิกฤติโควิด และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ที่เคยยื่นต่อรัฐบาลไปเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2564

ในกิจกรรมครั้งนี้มีแพทย์หญิง ปวลิน ชื่นพุฒิ และบุคลากรทางการแพทย์จากหน่วยแพทย์และพยาบาลเพื่อมวลชน ร่วมปราศรัยด้วย โดยระบุว่า การจัดการวัคซีน ที่ล็อคสเป็กบางยี่ห้อและไร้ประสิทธิภาพนั้นไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น และประชาชนยังได้รับผลกระทบจากมาตรการต่างๆ ของรัฐที่ออกมาควบคุมประชาชน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถจัดการโควิดได้

แพทย์หญิง ปวลิน ระบุว่าการสาธารณสุขมีปัญหาทั้งหมด จากความประมาทของผู้มีอำนาจ การกักตุนหน้ากากและสินค้าต่างๆ แม้ประชาชนให้ความร่วมมือเต็มที่ รวมถึงมีการนำเข้าวัคซีน ที่ทำให้ประชาชนมีความหวังขึ้นบ้าง แต่ก็ล้มเหลวอีก เพราะล่าช้า ไม่เพียงพอ และไร้ประสิทธิภาพ จนเกิดปัญหาโรงพยาบาลหรือเตียงไม่เพียงพอ แม้ว่าประชาชนจะช่วยกันแสวงหาไว้รองรับผู้ป่วยก็ตาม ยังไม่นับผู้ที่ป่วยโรคประจำตัวอย่างมะเร็ง ที่จะต้องใช้บริการสถานพยาบาล ที่สำคัญผู้เกี่ยวข้องยังโทษประชาชนและเรียกร้องให้ประชาชนอย่าการ์ดตกตลอดมา ทั้งที่ควรจะหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ผลข้างเคียงน้อย อย่างวัคซีน mRNA และควรหยุดนำเข้าวัคซีนซิโนเเวคได้แล้ว

โดยขณะนี้เห็นว่า มีอุปกรณ์ในการตรวจเชื้อโควิด ที่ประชาชนหาซื้อมาตรวจเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ จึงขอวิงวอนผู้เกี่ยวข้องและหวังว่าจะไม่มีการกักตุนเหมือนกรณีหน้ากากอนามัยอีก และเมื่อโรงพยาบาลไม่มีสถานที่เพียงพอ ผู้ป่วยสีเขียวรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน ขณะที่คนไทยเป็นครอบครัวใหญ่หรือไม่ได้อยู่คนเดียวจึงเกิดปัญหา หรือแม้แต่ผู้ที่แยกมีความพร้อมที่จะแยกตัวเองออกจากครอบครัวได้ แต่ก็ไม่มีความพร้อมในด้านสาธารณสุขหรือยาและเครื่องไม้เครื่องมือที่เหมาะสมในการรักษา ซึ่งควรมีผู้ติดตามอาการ ผู้ส่งข้าวส่งน้ำและเครื่องมือที่พร้อมในการรักษาด้วย

สำหรับ 5 ข้อเรียกร้องของกลุ่มลิเบอร์ต้า ประกอบด้วย 

1.) ลดค่าเทอมและค่าบำรุงการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมถึงมหาวิทยาลัย ทั้งสถานศึกษาของรัฐและเอกชน 50% อย่างน้อย 3 ปี

2.) จัดหาวัคซีนโควิด ให้ประชาชนแบบถ้วนหน้า ไม่เสียค่าใช้จ่ายในทุกยี่ห้อ กรณีเกิดผลข้างเคียงต้องชดเชยเยียวยา

3.) เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ไม่น้อยว่า 80% ของรายได้

4.) พักชำระหนี้ทุกอาชีพทั้งต้นทั้งดอก และพักจ่ายเงินผ่อนงวดรถและที่อยู่อาศัย รวมถึงสถาบันทางการเงินอื่นๆ ทั้งในและนอกระบบอย่างน้อย 3 ปี

5.) เพิ่มเงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์ และบรรจุพนักงานสัญญาจ้าง ซึ่งปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด ให้เป็นพนักงานประจำหรือข้าราชการ