ไม่พบผลการค้นหา
ศาล​ให้ประกัน​ 'นิว​ สิริชัย'​ ห้ามทำผิดซ้ำอีก​ นัดมาศาลอีกครั้ง 8 เม.ย. ด้านเจ้าตัว​ยืนยันสู้ต่อ​ ย้ำ ม.112​ ไม่ศักดิ์สิทธิ์เพราะใช้เล่นงานประชาชนพร่ำเพรื่อ ขณะที่ สภ.ประตูน้ำฯ ตามรวบซ้ำอีกรอบโดยไร้หมายจับ

ศาลจังหวัดธัญบุรี พนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวงนำตัว สิริชัย นาถึง หรือนิว นักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาล โดยกล่าวหาความผิดตามมาตรา 112, ทำให้เสียทรัพย์และข้อหาช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียซื้อรับจำนำหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียภาษี หรือของต้องห้ามหรือเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยหลีกเลี่ยงภาษีอากร หลังเข้าจับกุม เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุด ศาลจังหวัดธัญบุรี​ ให้ประกันตัว นิว สิริชัย​ โดยมีอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์​เป็นผู้ประกัน​ โดยศาลวางเงื่อนไข​ ห้ามผู้ต้องหากระทำการใดในทำนองเดียวกันซ้ำอีก​ โดยนัดมาที่ศาลอีกครั้งวันที่ 8 เม.ย.นี้​ เพื่อให้การเพิ่มเติมและตามขั้นตอนของกระบวนการพิจารณาคดี

นิว ศิริชัย​ นาถึง


ยันสู้ต่อ​ ย้ำ ม.112​ ไม่ศักดิ์สิทธิ์

ศิริชัย​ กล่าวหลังได้ประกันตัวว่า​ ผู้มีอำนาจยิ่งบังคับใช้ มาตรา 112 กับประชาชนพร่ำเพรื่อ​ ยิ่งทำให้กฎหมาย ไม่ศักดิ์สิทธิ์ กรณีของตนตำรวจไม่มีหมายศาลในการตรวจค้นห้องพักและการจับกุมตน ก็ไม่ได้มีหมายศาล​ อีกทั้งยังเป็นการลงบันทึกการจับกุมย้อนหลังด้วย โดยส่วนตัวได้เตรียมใจไว้แล้ว ว่าหากทำกิจกรรมก็อาจโดนคดีลักษณะนี้เหมือนกับเพื่อนอีกหลายๆคน​ แต่ก็ยืนยันว่า​ จะเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไป 

อย่างไรก็ตามภายหลังการปล่อยตัวศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานผ่านทวิตเตอร์ว่า นิว-ศิริชัย ถูกจับตัวอีกครั้งโดยพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี ทั้งนี้กรณีดังกล่าวเป็นการจับกุมโดยไม่มีหมายจับ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าตัวผู้ต้องหาได้มาปรากฎต่อหน้าพนักงานสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้ว จึงทำการแจ้งข้อกล่าวหา

ล่าสุด นิว-ศิริชัย หลังสภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เรียกสอบคำให้การเป็นพยานในคดีมาตรา 112 และ สภ.ธัญบุรี ได้แจ้งข้อกล่าวหาคดีตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 18 ประกอบมาตรา 27 เนื่องจากนิวไม่ยอมให้รหัสผ่านคอมพิวเตอร์ตามที่ตำรวจขอค้น ได้รับการปล่อยตัวแล้วในเวลา 17.30 น.

ทั้งนี้ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ตั้งข้อสังเกตถึงกรณีการจับกุม และการเข้าตรวจค้นหอพักของศิริชัย ครั้งนี้ด้วยว่า

1.ศาลออกหมายค้นให้เจ้าหน้าที่เข้าค้นได้ในยามวิกาล คือตั้งแต่ 21.00 น. เป็นต้นไป ทั้งที่ตามที่กฎหมายกำหนดจะต้องค้นในเวลากลางวัน โดยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 96 ระบุว่า การค้นในที่รโหฐานต้องกระทำระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและตก อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นดังนี้ (1) เมื่อลงมือค้นแต่ในเวลากลางวัน ถ้ายังไม่เสร็จจะค้นต่อไปในเวลากลางคืนก็ได้ (2) ในกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่ง หรือซึ่งมีกฎหมายอื่นบัญญัติให้ค้นได้เป็นพิเศษ จะทำการค้นในเวลากลางคืนก็ได้ (3) การค้นเพื่อจับผู้ดุร้ายหรือผู้ร้ายสำคัญจะทำในเวลากลางคืนก็ได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตพิเศษจากศาลตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ซึ่งกรณีนี้ การเข้าค้นเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน ไม่ได้เริ่มตั้งแต่ตอนกลางวัน อีกทั้งไม่ได้มีกรณีฉุกเฉินใดๆ แม้ว่าจะอยู่ระหว่างการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ไม่ได้ให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นในเวลากลางคืน อีกทั้งนักศึกษารายนี้ก็ไม่ใช่บุคคลดุร้ายหรือผู้ร้ายแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่นักศึกษาปี 1 เท่านั้น

2.ตำรวจไม่ให้สิทธิในการเข้าถึงทนายความในชั้นจับกุม ให้ติดต่อเพียงสั้นๆ หลังทำบันทึกจับกุมเสร็จ ซึ่งยังคุยไม่เสร็จ และภายหลังทนายไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ เนื่องจากผู้ต้องหาถูกยึดโทรศัพท์

3.ตำรวจไม่ยอมแจ้งสถานที่คุมตัวผู้ต้องหา หลอกล่อไปมาจนเกิดความสับสน อ้างตอนหลังจากพบตัวผู้ต้องหาแล้วว่ากลัวเป็นอุปสรรคในการตรวจค้น ภาวะการณ์เช่นนี้ถือว่าอันตรายมาก เพราะทำให้บุคคลอยู่นอกความคุ้มครองกฎหมาย เป็นการควบคุมตัวโดยมิชอบ ทำให้ผู้ต้องหาถูกบังคับให้สูญหายไปแล้วในขณะหนึ่ง (short term disappearance) เป็นการละเมิดสิทธิขั้นร้ายแรง

4.ตำรวจเริ่มตรวจค้นโดยไม่แสดงหมายค้นก่อนเข้าตรวจค้น แต่แสดงหมายค้นภายหลังตรวจค้นเสร็จแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปร่วมตรวจค้นด้วย อีกทั้งไม่ได้ทำบันทึกการตรวจค้น ณ สถานที่ตรวจค้น กลับมาทำที่สถานีตำรวจหลังยึดของกลางใส่ถุงไปแล้วหลายชั่วโมง ซึ่งยืนยันไม่ได้ว่าของในซองพยานมาจากห้องผู้ต้องหาจริงหรือไม่



ข่าวที่เกี่ยวข้อง :