แอปเปิล เปิดให้บริการ "แอปเปิล เพย์" แล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด มองว่า บริษัทคู่แข่ง อย่างกูเกิล อาจได้ประโยชน์มากกว่าจากการเปิดตัวบริการนี้
แอปเปิล เพย์ เป็นระบบจ่ายเงินด้วยสมาร์ทโฟน โดยใช้เทคโนโลยี NFC หรือการสื่อสารบลูทูธระยะใกล้ ที่ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องพกกระเป๋าสตางค์ติดตัวอีกต่อไป แต่ Jerry Kim ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด กลับมองว่า การเปิดตัวครั้งนี้ของแอปเปิล อาจให้ประโยชน์กับบริษัทคู่แข่งอย่างกูเกิล ที่ได้เปิดตัวระบบจ่ายเงิน “กูเกิล วอลเล็ต” ไปก่อนหน้านี้ และเสียงตอบรับจากผู้ใช้ ยังไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
การพกพาสมาร์ทโฟน เพียงเครื่องเดียวน่าจะสะดวกสบายกว่าการต้องพกเงินสด หรือบัตรเครดิต แต่พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ไม่ใช่สิ่งที่จะปรับเปลี่ยนได้ง่าย และแม้ว่า แอปเปิล จะเป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพ ดึงดูดตลาดให้หันมาตอบรับวิธีการจ่ายเงินแบบใหม่นี้มากขึ้น แต่ในระยะยาว ระบบนี้อาจส่งผลดีต่อกูเกิล มากกว่าก็เป็นได้ เพราะกูเกิล เป็นบริษัทที่มีทั้งซอร์ฟแวร์และฮาร์ดแวร์ จึงตอบสนองผู้ใช้บริการได้มากกว่า ในขณะที่ แอปเปิล ผูกติดกับภาพลักษณ์ในการผลิตฮาร์ดแวร์เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม แอปเปิล ยังมีจุดขายอีกอย่างที่กูเกิลไม่มี นั่นก็คือ การรับประกันว่าข้อมูลการจ่ายเงินของผู้ใช้บริการจะถูกเก็บเป็นความลับ ขณะที่ ข้อบังคับเรื่องความเป็นส่วนตัวของกูเกิล ยังคงคลุมเครือ
สำหรับบริการ "แอปเปิล เพย์" ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ต้องอัพเดทเป็น iOS 8.1 จากนั้นเข้าไปในแอพฯ Passbook เพื่อป้อนข้อมูลบัตรเครดิต หรือเดบิตการ์ด ก่อนนำไปใช้งานกับร้านค้าที่เป็นพันธมิตรของแอปเปิล ซึ่ง แอปเปิล เพย์ สามารถรองรับเครดิตการ์ดได้สูงสุด 8 ใบ
วิธีการใช้งาน แค่มาที่แคชเชียร์ที่รองรับบริการนี้ ไฟหน้าจอของไอโฟน จะสว่างขึ้นมาทันที และแอพฯ Passbook จะรู้หน้าที่ว่าต้องทำงานด้วย ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายด้วยเครดิตการ์ดใบใด ส่วนการจ่ายเงิน แค่ถือไอโฟนใกล้ๆ เครื่องคิดเงิน และใช้นิ้วแตะที่ Touch ID (ที่ปุ่ม Home) เพื่อยืนยันตัวบุคคล เมื่อจบกระบวนการการทำธุรกรรม ระบบจะสั่นเตือน และมีเสียง Beeb ดังขึ้นหนึ่งครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้น
Source
- http://www.youtube.com/watch?v=ZXRhO0akfDA
- http://www.forbes.com/sites/karstenstrauss/2014/10/22/can-google-benefit-from-apple-pay/?utm_campaign=forbestwittersf&utm_source=twitter&utm_medium=social