7 ปีในแวดวงการเมือง นับตั้งแต่ปี 2547 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เริ่มต้นชีวิตทางการเมืองจากพรรคต้นตระกูลไทย พรรคสู้เพื่อไทย ข้าร่วมงานกับพรรคชาติไทย ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2 ครั้ง และกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งในฐานะ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย การเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม เขานำ สส.พรรครักประเทศไทย ระบบบัญชีรายชื่อเข้าสภาได้ 4 คน
เบื้องหลังความสำเร็จของพรรครักประเทศไทย คือ การประกาศจุดยืนชัดเจนของชูวิทย์ว่า จะขอเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ผนวกกับการใช้วิธีการหาเสียง ทั้งการลงพื้นที่หาเสียง และการใช้ป้ายหาเสียง ด้วยกลยุทธ์ แบบ เข้าใจกระแส รู้จักธรรมชาติของสื่อ และ เรียนรู้การตอบรับจากประชาชน ทำให้ได้รับคะแนนเสียงระบบบัญชีรายชื่อมากกว่าพรรคขนาดกลางหลายพรรค ไม่ว่าจะเป็น ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน
ชูวิทย์ นิยาม การเมืองที่เขาสัมผัสว่า เป็น การเมืองแบบหมาหมา ไม่ได้มีความหมายในเชิงลบ แต่เปรียบเทียบ “นักการเมือง”และ“สุนัข”ว่ามีความเหมือน และต่างกันอย่างไร ความเหมือน คือ หวงอาณาเขต ส่วนความต่าง คือ ความซื่อสัตย์ รู้จักบุญคุณ เขาถึงกับยกตัวอย่างไว้ในหนังสือที่ชื่อว่า “การเมืองแบบหมาหมา”ว่า “หากนักการเมืองมีคุณลักษณะของหมาเพียงครึ่งเดียว ประเทศชาติไปรอดแน่นอน”
ชูวิทย์ นิยาม “การเมือง”ที่เขาเคยสัมผัสไว้ 10 นิยาม คือ การฉกฉวยแย่งชิง ผูกขาดตัดตอน ลิดรอนสิทธิเพื่อน แทงหน้าแทงหลัง หน้าด้าน หน้าทน มือใครยาวสาวได้สาวเอา ได้ฝากเมียเสียฝากเพื่อน เงื่อนเวลา อ้างฟ้าดิน สิ้นศรัทธา
Produced by VoiceTV