ไม่พบผลการค้นหา
The Toppick - สไลเดอร์น้ำในปีนัง ยาวเป็นกิโลฯ ทำลายสถิติโลก - Short Clip
The Toppick - แท็กซี่ลอยฟ้า เทรนด์อนาคตที่ใกล้ความเป็นจริงขึ้นทุกที - Short Clip
The Toppick - รัสเซียกันแท็กซี่หลับในด้วยเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า - Short Clip
The Toppick - ไฮเปอร์ลูปเวอร์จินแซงเทสลา อินเดียจัดเป็นโครงสร้างพื้นฐานไม่ต่างจากรถไฟ - Short Clip
The Toppick - ออสเตรเลีย เปิดโครงการเติมเต็มคำขอสุดท้ายให้ผู้ป่วยหนัก - Short Clip
The Toppick - จีน เปิดตัวมาสคอตโอลิมปิก 2022 แพนด้าปิงตวนตวน - Short Clip
The Toppick - เอกวาดอร์ประท้วงใหญ่ รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน - Short Clip
The Toppick - ธุรกิจไรด์แชร์ริงในเวียดนามแข่งกันดุเดือดเทียบชั้นอินโดนีเซีย - Short Clip
The Toppick - อินเดียเรียกร้องหยุดใช้ 'ช้าง' บริการนักท่องเที่ยว - Short Clip
The Toppick - กลุ่มนางแบบสูงวัย 'แกลมมา' กระแสผู้สูงอายุในโซเชียลจีน - Short Clip
The Toppick - รถยนต์ไฟฟ้า รักษ์โลกหรือแค่ไลฟ์สไตล์ - Short Clip
The Toppick - อินโดฯระบุพิกัดเมืองหลวงใหม่ กระจายความเจริญ-หนีเมืองจมน้ำ - Short Clip
The Toppick - นักวิทยาศาสตร์ หวังสร้างนำแข็งคืนสู่ 'อาร์กติก' - Short Clip
The Toppick - อาชญากรรมในบาร์เซโลนาเพิ่มขึ้น 30% ในครึ่งปีแรก - Short Clip
The Toppick - ผู้นำบราซิลเมินความช่วยเหลือดับไฟป่าเพราะแนวคิดแบบทหาร - Short Clip
The Toppick - 'เทศกาลภาพยนตร์นอร์ดิก' ชูประเด็นสิ่งแวดล้อม-ความยั่งยืน - Short Clip
The Toppick - เกียวโตสร้าง 'หุ่นยนต์นักบวช' สืบทอดศาสนาแทนมนุษย์ - Short Clip
The Toppick - สหรัฐฯ เตรียมประมูลพร็อพ 'ตำนานฮอลลีวูด' มูลค่า 300 ลบ. - Short Clip
The Toppick - ปาร์ตี้เก็บขยะชายหาด ทำความสะอาดให้สนุกด้วยเสียงเพลง - Short Clip
The Toppick - เมืองคุนหมิง เล็งห้ามเปิดเพลง-คลิปเสียงดังในรถไฟใต้ดิน - Short Clip
The Toppick - จ่ายเงินด้วยใบหน้า เทรนด์อนาคตจีนที่จะมาแทน QR โค้ด - Short Clip
Sep 9, 2019 01:00

ประเทศจีน ประชาชนชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือกันอย่างแพร่หลายเป็นอันดับต้นๆ ของโลก กำลังก้าวไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีการชำระเงินด้วยใบหน้า

ในหลายเมืองทั่วประเทศจีน ร้านค้าทั่วไปอย่างร้านขนมปังและซูเปอร์มาร์เก็ตได้เริ่มนำเทคโนโลยีให้ชำระเงินด้วยระบบตรวจจับใบหน้า (facial recognition) กันแล้ว โดยหลังจากลิงก์ภาพใบหน้าของตัวเองเข้ากับระบบชำระเงินดิจิทัลหรือบัญชีธนาคารแล้ว ผู้ใช้บริการสามารถยืนยันการซื้อของได้ด้วยการยืนหน้ากล้องที่ติดไว้ ณ จุดขายเท่านั้น

เป้าหู่ ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (CIO) ของแฟรนไชส์เบเกอร์รีเว่ยดัวเหม่ (味多美: Wedome) กล่าวว่าเทคโนโลยีนี้ทำให้สามารถซื้อของได้ด้วยตัวเปล่าได้ ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์มือถือในการชำระเงินด้วยซ้ำ เขากล่าวว่าร้านเบเกอรี่ของเขากว่า 300 สาขา มีระบบจ่ายเงินด้วยใบหน้าแล้ว และมีแผนจะติดตั้งเพิ่มในอีก 400 สาขา

อาลีเพย์ (Alipay) บริการชำระเงินในเครืออาลีบาบาได้ติดตั้ง ‘ดรากอนฟลาย’ (Dragonfly) เครื่องชำระเงินด้วยใบหน้าแล้วในกว่า 300 เมือง โดยเครื่องชำระเงินซึ่งมีขนาดพอๆ กับไอแพดนี้เปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และเป็นรุ่นพัฒนาของระบบสไมล์-ทู-เพย์ (Smile-to-Pay) ซึ่งออกมาก่อนหน้าในปี 2017 โดยเอเอฟพีรายงานว่าในระยะเวลา 3 ปี อาลีเพย์จะลงทุน ราว 12,800 ล้านบาทเพื่อติดตั้งอุปกรณ์นี้

ทางด้านเทนเซนต์ (Tencent) บริษัทเจ้าของแอปฯ วีแชต (WeChat) ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 600 ล้านคน ก็ได้เปิดตัวเครื่องชำระเงินด้วยใบหน้าของตัวเองในชื่อ 'ฟร็อกโปร' (Frog Pro) เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ทางสำนักข่าวเซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์ ซึ่งอยู่ในเครือของอาลีบาบากรุ๊ป ระบุว่าเทคโนโลยีการชำระเงินด้วยใบหน้านี้ แม้จะเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ก็ช่วยให้ผู้ไม่ชำนาญการใช้งานเทคโนโลยีสามารถตามโลกทันได้ เนื่องจากความง่ายที่ใช้เพียงใบหน้าสแกนเพื่อยืนยันการจ่ายเงิน แทนที่จะต้องใช้ฟีเจอร์ซึ่งอยู่ในแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถืออีกที

ทั้งนี้ รายงานการใช้อินเทอร์เน็ตในจีนปี 2019 ซึ่งเซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ร่วมจัดทำ ชี้ว่า ประเทศจีนมีประชากรราว 1.4 พันล้านคน ทว่ามีเพียง 829 ล้านคน หรือราว 60 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเท่านั้นที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต และมีเพียง 583 ล้านคน หรือ 40 เปอร์เซ็นต์ของประชากรชาวจีนเท่านั้นที่ใช้การชำระเงินผ่านสมาร์ตโฟน

รายงานจากศูนย์ข้อมูลสารสนเทศและโครงข่ายอินเทอร์เน็ตแห่งชาติจีน ชี้ว่าในจำนวน 562 ล้านคนที่เข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ตนั้น กว่า 87 เปอร์เซ็นต์ขาดทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และไม่สามารถใช้การสะกดอักษรแบบพินอินเพื่อพิมพ์ได้ จึงไมสามารถเข้าถึงบริการออนไลน์ได้

ขณะที่เทคโนโลยีในประเทศจีนล้ำหน้าขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งการซื้อของ สั่งอาหาร หรือเรียกแท็กซี่ก็ใช้ได้ด้วยแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟน ผู้ที่ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เป็นอาจถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ระบบสแกนด้วยใบหน้าอาจเป็นหนึ่งในทางออก

จางหลี่หมิง ผู้ใช้บริการซูเปอร์มาร์เก็ตไอเฟอรี (IFuree) ที่มีระบบชำระเงินด้วยใบหน้า กล่าวถึงเทคโนโลยีนี้ว่าหลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว การซื้อและการจ่ายเงินก็ง่ายและรวดเร็วขึ้นมาก โดยเธอบอกว่า “มันต่างจากการจ่ายเงินในซูเปอร์ฯ แบบเดิมๆ ที่ต้องมาต่อแถวกัน น่าเหนื่อยหน่ายจริงๆ การจ่ายเงินแบบนี้สะดวกและประหยัดเวลามากเลย”

จ่ายง่าย แต่อาจไม่สบายใจ --- แม้เทคโนโลยีใหม่นี้จะทำให้การทำธุรกรรมสะดวกสบายไร้รอยต่อ จ่ายจบได้โดยไม่ต้องยกโทรศัพท์หรือกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา ทว่าเรื่องของความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยยังคงเป็นเรื่องน่ากังวล

ในแง่หนึ่งระบบที่ง่ายต่อการจัดการสำหรับผู้ให้บริการนี้อาจแลกมาด้วยความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน เจฟฟรีย์ ติง นักวิจัยจากศูนย์วิจัยเพื่อธรรมาภิบาลของเอไอ (Centre for the Governance of AI) ในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด กล่าวว่ากระแสร้านค้าปลีกอัจฉริยะส่วนใหญ่นั้นเป็นการผลักดันโดยบริษัทเพื่อจุดประสงค์สองประการ คือป้องกันการขโมยของและเก็บข้อมูลความชอบของผู้ใช้บริการเพื่อวิเคราะห์และทำการตลาด

ในส่วนของการใช้งานหน้าร้าน ไอเฟอรี ซูเปอร์มาร์เก็ตแบบบริการตัวเองในนครเทียนจิน มีกล้องสามมิติซึ่งคอยสแกนใบหน้าลูกค้าเวลาเข้าและออกจากร้าน

ลีตงเหลี่ยง วิศวกรของไอเฟอรี กล่าวในอีกมุมว่าเทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้านั้นช่วยรักษาความเป็นส่วนตัว "การใช้วิธีจ่ายเงินแบบปกตินั้นอันตรายมากเลยเวลากดรหัสผ่านแล้วมีคนยืนอยู่ข้างหลังด้วย แต่ตอนนี้เราสามารถทำธุรกรรมจบได้โดยใช้แค่ใบหน้า ซึ่งเป็นการช่วยรักษาความปลอดภัยบัญชีผู้ใช้ของเรา"

อีกด้านหนึ่ง อดัม หนี่ นักวิจัยชาวจีน จากมหาวิทยาลัยแมคควอรี่ ในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่าเทคโนโลยีนี้มีความเสี่ยงอย่างยิ่ง รัฐบาลจีนอาจนำข้อมูลไปใช้เพื่อจุดประสงค์ของตัวเองได้ เช่นการสอดส่อง จับตาดู และติดตามผู้เห็นต่างทางการเมือง หรือควบคุมประชากรบางกลุ่มแบบที่ทำกับชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง


Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog