รายการ Intelligence ประจำวันที่ 11 พ.ย. 2554
ในมุมการรายงานข่าวมหาอุทกภัยรอบนี้ สำนักข่าวต่างประเทศให้ความสนใจที่ความเคลื่อนไหวในเว็ปไซค์สังคมอนนไลน์หรือโซเชียล มีเดีย อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน โดยมีแรงกระตุ้นมาจากข้อมูลที่สับสนของภาครัฐ อินเทอร์เนทกลายเป็นแหล่งสำคัญในการให้ข้อมูลข่าวสาร เวปไซด์ข่าวมีอัตราการเข้าชมสูงเป็นประวัติการณ์ แต่มีทั้งด้านบวกและด้านลบ
ด้านบวก คือ อัพเดทข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว แต่ด้านลบคือ การขาดการกลั่นกรองอาจเกิดการผิดพลาดได้ง่าย มีตัวเลขยืนยันการขยายตัวของโซเชียลมีเดีย จากตัวแทนขายโฆษณาบนทวิตเตอร์ ระบุว่า จำนวนผู้ใช้ทวิตเตอร์ในไทย เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซน จาก 6 แสนคนเมื่อเดือนกันยายน เพิ่มเป็น 720,000 คน ในเดือนตุลาคมม เช่น เดียวกับเฟซบุ๊คที่ขยาย ตัวกว่า 18 เปอร์เซน รวมถึงเวปไซด์ยูทูป
อาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต มองว่า การขยายตัวของโซเชียลมีเดีย จากเหตุการณ์เมษา-พฤษภา 53 จนถึงวิกฤติมหาอุทกภัย ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยอมรับว่าปริมาณการใช้ของผู้ที่ใช้โซเชียลมีเดียอยู่แล้วเพิ่มากขึ้น ทั้งการพยายามค้นหาข้อมูล และการระบายความในใจ นัยสำคัญที่เขาสังเกตุเห็นคือ สถิติการ unfriend หรือ unfollow ในเฟซบุ๊ค และทวิตเตอร์ เพิ่มสูงขึ้น สะท้อนว่า ความขัดแย้งในเชิงทัศนะคติที่ดำรงอยู่ตั้งแต่ครั้งสงครามสีเสื้อไม่ได้เบาบางลงไป อาทิตย์ วิจารณ์ว่า การบริหารจัดการสื่อเก่า และสื่อใหม่ของรัฐบาลมีปัญหา ไม่มี protocol ในการสื่อสาร ทำให้บทบาทการให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นระบบไปตกอยู่ที่ภาคเอกชน เช่น รู้สู้ flood , รู้ทันน้ำ , Thaiflood , สยามอาสา , น้ำขึ้นให้รีบบอก ในฐานะผู้ประสานเครือข่ายพลเมืองเน็ต ยังประเมินว่า พรรคประชาธิปัตย์มีการใช้ สื่อใหม่ทั้ง เฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ได้ดีกว่าพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ใช้สื่อใหม่เข้าถึง โซเชียล เน็ทเวิร์ค ได้ดีกว่าพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง ที่ยิ่งสื่อสารยิ่งแคบลงเป็นการสื่อสารเฉพาะ คนในกลุ่มเท่านั้น