นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน เสนอให้นำ กรณีสาวซีวิค มาสรุปบทเรียน เรื่องมาตรฐานความปลอดภัย
อุบัติเหตุร้ายแรงรถเก๋งชนรถตู้บนทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ในช่วงส่งท้ายปลายปี วันที่ 27 ธันวาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 ราย กลายเป็นข่าวใหญ่และสร้างความสะเทือนใจ เรียกร้องความสนใจจากผู้คนในสังคมได้อย่างกว้างขวาง สาเหตุหนึ่งเพราะ ผู้เสียชีวิตล้วนเป็นปัญญาชน นักวิชาการ และนักศึกษาที่ยังมีอนาคตอีกยาวไกล
ส่วนคู่กรณี ผู้ขับขี่รถเก๋ง ยังเป็นเยาวชนอายุเพียง 16 ปี 6 เดือน ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ เธอตกเป็นจำเลยของสังคม และถูกพิพากษาในชั่วข้ามคืน โดยเฉพาะการสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ ในเฟซบุ๊ค มีผู้ก่อตั้งเวปเพจ มั่นใจว่า คนไทยเกินล้านคนไม่พอใจ ………. มีผู้เข้าไปคลิก “ชอบ” เกือบ 3 แสนคนภายในเวลาไม่กี่วัน
เทวฤทธิ์ มณีฉาย นักกิจกรรม จากกลุ่มประกายไฟ ผู้เขียนบทความ เรื่อง นางสาวเอ ยายแม่มดตัวร้าย กับอาการตาบอดข้างเดียวในเฟซบุ๊ค ตั้งคำถามว่า คนสนใจกับชีวิตคน และสนใจปัญหา 2 มาตรฐานจริงหรือ โดยเปรียบเทียบกับ เวปเพจ มั่นใจว่าคนไทยเกินล้านคนไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น เทวฤทธิ์มองว่า สังคมไทยไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม สังคมไทยเป็นสังคมที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า จึงใช้โลกเสมือนจริงเป็นช่องทางแสดงออก ประกอบกับ สื่อในสังคมไทยมีน้อย เมื่อมีช่องทางการสื่อสารผ่านโซเชียล เน็ทเวิร์ค จึงไม่รีรอที่จะพิพากษา
นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน เสนอให้นำบทเรียนกรณีสาวซีวิค มาสรุปบทเรียน เรื่องมาตรฐานความปลอดภัย โดยยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปรับปรุงระบบรถตู้ภายในของมหาวิทยาลัย จัดทำระบบพนักงานขับรถตู้ รถตู้ทุกคันต้องให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัย ติดตั้งจีพีเอส ควบคุมความเร็วของรถตู้
มาตรฐานของผู้ขับขี่ ต้องมีการกำหนดมาตรฐานของการสอบใบอนุญาตขับขี่ โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ขับขี่มีอายุน้อย ต้องเพิ่มความเข้มงวดมากกว่าที่เป็นอยู่ เช่น การใช้ใบอนุญาตขับขี่ชั่วคราว
กระบวนการยุติธรรม เสนอให้ตำรวจต้องมีกระบวนการสืบสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุทางถนน ไม่ใช่สรุปเพียงขับขี่โดยประมาท ก่อนที่จะสรุปสำนวนส่งศาล
ปรับปรุงระบบการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ เพื่อลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน โดยตั้งเป้าหมายเป็นวาระแห่งชาติ ว่าในทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน ปี 2011-2020 ประเทศไทยต้องลดการตายบนท้องถนนลงครึ่งหนึ่งในอีก 10 ปีข้างหน้า
Produced by VoiceTV