ไม่พบผลการค้นหา
CLIP Wake Up News : 'เลือกตั้ง' คนในฝรั่งเศสเลือกสายกลาง แต่ในไทยดันเลือกขวาจัด ?
ดูไบเริ่มทดสอบโดรนแท็กซี่แล้ว
เอาประท้วงทรัมป์ไปเทียบกับสลิ่ม-กปปส. ได้ไง! มันคนละเรื่องกัน
Info Graphic: 7 เหตุผลที่คนไทยต้องสนใจเลือกตั้งฝรั่งเศส
กรุงเทพฯ แชมป์รถติด
"ยางรถยนต์อัจฉริยะ" ในยุคไร้คนขับ
ไทยครองอันดับ 3 รายได้จากการท่องเที่ยว
สร้างเรื่องให้ดูเหมือนว่า Comey เสนอตัวเองอยู่ต่อ
ศิลปินแห่งชาติกับภาษีประชาชน
เหล้าแพงบุหรี่แพง เลิกดีไหม?
CLIP BizFeed : จ้างงานผู้สูงอายุ รับสังคมสูงวัยอย่างยั่งยืน
ย้อนกลับไปดู Saturday Night Massacre
มีไม่ถึง 18 ล้านจะอยู่ได้ไหม วัยเกษียณ
CLIP Biz Feed : อี-สปอร์ต เปิดโลกแห่งเกมให้เป็นโลกแห่งธุรกิจ
Wake Up News - ทรัมป์ ขู่ขึ้นภาษีสินค้าจีน ไม่พอใจเจรจาล่าช้า - Short Clip
Wake Up News - นายกฯ ลงพื้นที่ติดตาม 13 ชีวิต - Short Clip
Wake Up News - บทบาทของ คพข. ในการคุ้มครองผู้ใช้พลังงาน - Short Clip
มิชลินไกด์กับการท่องเที่ยวไทย
Wake Up News - 'ทรัมป์' ได้ทำในสิ่งที่ผู้นำสหรัฐไม่เคยทำได้ - Short Clip
Wake Up News - มองการเมืองไทย จากสายตาของนักศึกษา - Short Clip
ฝันหวานกันไปใหญ่แล้ว! ‘สี จิ้นผิง’ น่ะเหรอ จะหนุนการค้าเสรี
Jan 20, 2017 08:07

ยึดหัวหาดไปแล้วเรียบร้อย สำหรับ “สี จิ้นผิง” โดดเด่นอย่างท้าทายบนเวทีดาวอสอย่างไม่มีใครเทียบ ผู้นำจีนยุคใหม่ขโมยซีนโดนัลด์ ทรัมป์จอมรังควาญซะไม่เหลือชิ้นดี


จีนแทนที่อเมริกาผู้รักสันติภาพและป่าวประกาศให้โลกเลิกพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ? จีนผู้หนุนการค้าเสรีระหว่างประเทศจากที่เคยทุ่มตลาดจนโลกเละไปเป็นแถบ ? จีนผู้รักสงบและอยากให้โลกเสรี มีอยู่จริงหรือ? 

 

 

เรื่องการเมืองระดับโลกตอนนี้ ไม่มีใครเกิน สี จิ้นผิง, โดนัลด์ ทรัมป์ และวลาดิมีร์ ปูติน

ถ้าคุณมองสถานการณ์โลกในปัจจุบันนี้ มันชัดเจนเลยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ค่อนข้างมีทัศนคติในแง่บวกต่อวลาดิมีร์ ปูติน

ความสัมพันธ์ในยุคนี้ระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซียค่อนข้างแน่นแฟ้น ไม่เหมือนในยุคสงครามเย็นอย่างแน่นอน ทว่า ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ คนที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในการแสดงวิสัยทัศน์ในเวทีระดับโลกในการประชุมที่จัดขึ้นที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ เวที World Economic Forum นี้ กลับเป็นผู้นำของประเทศจีน

 

 

ผมมองว่านี่เป็นการใช้โอกาสครั้งสำคัญ ในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนผ่านจากโอบามา ประธานาธิบดีคนที่ 44 ไปที่โดนัลด์ ทรัมป์ คนที่ 45 โดยที่เวทีการประชุมที่สวิตเซอร์แลนด์ มีเพียงตัวแทนของโดนัลด์ ทรัมป์ หรือแอนโทนี สคาร์มุชชี (Anthony Scaramucci) ก็ให้สัมภาษณ์สื่อของรัสเซีย แต่คุณจะไม่เห็นทรัมป์หรือโอบามาไปงานนี้ มีแค่รองประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน

 

“การประชุมที่ดาวอสถือเป็นเวทีสำคัญที่ สี จิ้นผิง จะประกาศศักดาให้โลกได้เห็นเลยว่า

เขานี่แหละเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ระดับโลก เป็นคนที่จะให้มุมมองเกี่ยวกับระบบกฎหมาย ระบบการค้าและระบอบการเมืองของโลก แบบที่โลกจะต้องฟัง”

 

ถ้าดูจากเนื้อหาสุนทรพจน์ที่เขากล่าวที่ดาวอสนี่ ก็ไม่ทำให้รู้สึกน่าดราม่าตามประธานาธิบดีสี จิ้นผิงนัก แต่เขามีวิสัยทัศน์พอสมควร เขาอาจจะไม่ได้ร่างสุนทรพจน์เอง แต่ว่าในคำกล่าวสุนทรพจน์ที่เขานำมาใช้ที่เวทีดาวอสนั้น เขาใช้จังหวะทางการเมืองโลกในการทำให้ตัวเองเป็นคนเล่นบทบาทของผู้นำประเทศที่ต้องการรักษาระบอบการปกครองของโลกในปัจจุบันอยู่

 

ถ้าศัพท์ทางการทูตเรียกว่า “Balance of Power” ที่มีองค์ประกอบเยอะ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สมาชิกถาวรมีใครบ้าง โครงสร้างของกลุ่มประเทศที่มีหัวรบนิวเคลียร์ ตลอดจนพันธะสัญญาระหว่างประเทศที่มหาอำนาจต่างๆ มีผ่านองค์กรอย่าง North Atlantic Treaty Organization (NATO) หรือ นาโต หรือองค์กรอย่างสหประชาชาติ หรือแม้กระทั่งข้อตกลงการค้าเสรีผ่านความตกลงทั้งรูปแบบทวิภาคีและพหุภาคี หรือรูปแบบที่มีอยู่ในนาฟตา (NAFTA)

 

และการเคารพถึงพันธะสัญญาทางกฎหมายต่างๆ เหล่านี้ไว้ เช่น การค้าโลก การค้าเสรีที่มีอยู่ตอนนี้ แต่ละประเทศทำตามข้อตกลงกัน ถ้ามีประเทศใดไม่ทำตาม ประเทศที่ถูกเอาเปรียบก็สามารถไปร้องเรียนที่ WTO หรือ World Trade Organization หรือองค์การการค้าโลกได้

 

ถ้าคุณได้อ่านสุนทรพจน์ของ ‘สี จิ้นผิง’ เขาพยายามที่จะบอกว่า..

"ตอนนี้ สิ่งที่ควรรักษาไว้ คือพยายามที่จะลดหัวรบนิวเคลียร์ของประเทศต่างๆ เหมือนเขากำลังปล่อยหมัดแย้บไปที่วลาดิมีร์ ปูติน และโดนัลด์ ทรัมป์

เพราะรัสเซียภายใต้ปูติน ไม่ต้องการที่จะเข้าสู่สนธิสัญญาแบบทวิภาคีกับสหรัฐอเมริกาในการลดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ สหรัฐอเมริกาภายใต้โดนัลด์ ทรัมป์ก็แสดงท่าทีเหมือนกันว่าไม่ต้องการที่จะลดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ให้มันต่ำลงไปกว่าเดิม"

 

สี จิ้นผิง จึงใช้โอกาสนี้ ทำตัวเป็นคนพิทักษ์สันติภาพโลก ด้วยการแสดงวิสัยทัศน์ให้เห็นว่า “โลกใบนี้ต้องมีหัวรบนิวเคลียร์น้อยลง ทั้งที่จีนก็มีโครงการด้านปรมาณู” นี่เป็นสุนทรพจน์ที่พยายามจะสะท้อนให้เห็นว่า จริงๆ แล้วจีนเป็นฝ่ายสันติภาพ จีนต้องการรักษากฎหมายของโลก จีนต้องการให้ทุกๆ ประเทศ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในการค้าขายระหว่างประเทศ

 

จำได้ไหมครับว่าทวิตเตอร์ของโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา 1 ในประเด็นที่เขา Focus ถ้าไม่ใช่เรื่องสื่อมวลชนในสหรัฐฯ เอียง ทรัมป์ก็พยายามจะบอกว่า การค้าเสรีคือปัญหา ที่เขาไม่ค่อยเชื่อมั่นในการค้าเสรี และข้อตกลงการค้าเสรีที่สหรัฐอเมริกามีอยู่ เขาพร้อมที่จะดึงมันขึ้นมาและพร้อมที่จะ Renegotiate หรือเจรจาใหม่

ทัศนคติของทรัมป์ ไม่ค่อยเชื่อในการค้าเสรี เชื่อในกำแพงภาษี เขาชูนโยบายขูดรีดขึ้นกำแพงภาษีสำหรับบริษัทรถยนต์ ที่ย้ายฐานการผลิตรถยนต์ไปผลิตที่อื่น เช่น เม็กซิโก ขู่ทั้ง Ford ทั้ง GM ทั้ง BMW

 

ดังนั้น โอกาสของประธานาธิบดีจีนคือ แสดงวิสัยทัศน์ออกมาว่า ทำอย่างนี้ไม่ได้! การรักษากฎเกณฑ์สำคัญ และเป็นกฎเกณฑ์ที่องค์การการค้าโลก หรือ WTO บังคับให้แต่ละประเทศปฏิบัติตาม ถ้ารักษากฎเกณฑ์ได้ การค้าขายระหว่างประเทศจะมีความเที่ยงธรรม มีกำแพงภาษีลดลง แต่ละประเทศจะต้องไม่มีนโยบายที่ไปช่วยเหลือผู้ส่งออกจนเกินไป จนเอาเปรียบอีกประเทศหนึ่ง

หมายความว่า ประเทศใดก็ตามที่ส่งออกสินค้าไปขายยังประเทศหนึ่ง และประเทศต้นทางใช้นโยบายอุดหนุนมากเกินไป มันผิดกฎเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้ที่องค์กรการค้าระหว่างประเทศ

 

สิ่งที่น่าตลกก็คือว่า ในอดีตประเทศที่มีนโยบายอุดหนุนผู้ส่งออกอย่างที่อาจจะขัดกฎที่มีการใช้นโยบายอุดหนุนสูง (Subsidy) พูดตรงๆ เลยก็คือประเทศจีนนั่นแหละ!!

 

 

“10 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนมีประวัติในการทำผิดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ

ประเทศที่ปกติแล้วไม่ปฏิบัติตามการค้าเสรีอย่างสมบูรณ์แบบ

ถ้าไปถามนักวิชาการที่ศึกษาเรื่องการค้าขายระหว่างประเทศนั้น เขาจะบอกว่า

จีนนี่แหละ ตัวดี ที่คอยช่วยเหลือผู้ส่งออก คอยปิดโอกาสผู้นำเข้าสินค้าสู่ประเทศจีน คุณจะต้องเผชิญกับนโยบายกีดกันทางการค้ามากมาย...”

แต่เนื่องจากโดนัลด์ ทรัมป์เป็นอย่างที่เป็นอยู่ คือทรัมป์เป็นทรัมป์ แถมยังประกาศสงครามกับการค้าเสรีทั้งๆที่ประเทศเขานั้น เศรษฐกิจเติบโตเพราะการค้าเสรี และการเคลื่อนย้ายเงินทุนเสรี ก็บังเอิญว่าทรัมป์ดันใช้โซเชียลมีเดียไม่เป็น และใช้มันทำลายชื่อเสียงของอเมริกาไปในเรื่องนี้

 


สี จิ้นผิง จึงมีโอกาสสร้างภาพลักษณ์ของตนเองขึ้นมา พร้อมๆ กับสร้างภาพลักษณ์ของประเทศจีนใหม่ว่า ..

“จีนนี่แหละที่จะรักษาระบบการค้าโลกไว้ จีนนี่แหละไม่ต้องการให้โลกใบนี้มีอาวุธนิวเคลียร์ จีนนี่แหละที่จะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศอย่างเป็นธรรม อย่างทั่วถึง

นี่เป็นยุคที่สี จิ้นผิงนั้น ผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำระดับโลก และมันก็น่าเสียดาย เพราะทั้งหมดนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ป้อนอาหารจานนี้เข้าปาก สี จิ้นผิง และ สี จิ้นผิง ก็ Eat Donald Trump for lunch!"

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
184Article
76559Video
0Blog