วิธียืนยันบัตรเครดิตที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนั่นก็คือการเซ็นลายเซ็นหลังบัตร ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้กันมานานมาก แต่ในปัจจุบันวิธีดังกล่าวมีความปลอดภัยน้อยลง เนื่องจากบางร้านก็ไม่ได้ตรวจสอบความเหมือนของลายเซ็น ดังนั้นบริษัทมาสเตอร์การ์ด จึงประกาศยกเลิกวิธีการนี้ซึ่งมีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายน ปี 2018
มาสเตอร์การ์ด บริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตชื่อดังของโลก เผยตัวเลขล่าสุดที่ระบุว่าปัจจุบันยอดการใช้จ่ายกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของมาสเตอร์การ์ดในทวีปอเมริกาเหนือไม่ต้องใช้การเซ็นโดยเจ้าของบัตรแล้ว และตัวเลขดังกล่าวจะสูงขึ้นเป็น 100% ในเมษายนปี 2018 เมื่อ Mastercard จะยกเลิกการเซ็นลายเซ็นหลังบัตรเมื่อซื้อสินค้าผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิตมาสเตอร์การ์ดในสหรัฐฯ และแคนาดา
สำหรับการยกเลิกลายเซ็นในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในการสนับสนุนการเติบโตด้านการจ่ายเงินผ่านระบบดิจิทัล และเป็นไปตามความมุ่งหวังของมาสเตอร์การ์ดที่ต้องการให้ประสบการณ์ซื้อสินค้าเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย โดยจากการวิจัยพบว่าผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าหากไม่ต้องเซ็นลายเซ็นแล้วจะทำให้การจ่ายเงินไวขึ้นและการต่อแถวจ่ายเงินก็จะใช้เวลาเร็วขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตามมาสเตอร์การ์ดระบุว่า ขณะนี้ต้องทำให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าการเลิกเซ็นลายเซ็นจะไม่มีปัญหาด้านความปลอดภัย โดยมาสเตอร์การ์ดจะใช้ระบบรักษาความปลอดภัยผ่านการยืนยันตัวตนดิจิทัลใหม่ทั้งชิพ,โทเคนและไบโอเมตริก รวมถึงระบบยืนยันตัวตนอื่นๆ เพื่อช่วยให้การจับจ่ายซื้อสินค้าเป็นไปได้สะดวก/ ง่าย และปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งจากผลการสำรวจของ Mastercard พบว่าทุกวันนี้ผู้บริโภคพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงนี้ และคนส่วนใหญ่ไม่กังวลกับการยกเลิก “signature required” และยังคงรู้สึกปลอดภัยแม้จะไม่ได้เซ็นก็ตาม ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังส่งผลให้ร้านค้าสามารถนี้ให้บริการลูกค้าได้ไวขึ้น และลดค่าใช้จ่ายการเก็บเอกสารลายเซ็นจากบัตรอีกด้วย