รายการ มองโลก มองไทย ประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565
ปัญหาทางเท้าในกรุงเทพฯ เพราะ “รถ” สำคัญกว่า “คน”
เป็นเวลาหลายสิบปีที่เรามักได้ยินปัญหาทางเท้าใน กทม. ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาหาบเร่แผงลอยบนทางเท้า, รถจอดบนทางเท้า, รถจักรยานยนต์วิ่งบนทางเท้า, สิ่งกีดขวางบนทางเท้า ทั้ง ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ไม่ได้ใช้แล้ว, ตู้ของหน่วยงานต่างๆ รวมถึง เสาไฟฟ้าและป้อมจราจรของตำรวจที่ทำให้คนไม้สะดวกในการใช้ทางเท้า
หากดูตามข้อกฎหมาย กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 จะระบุไว้ในหมวดที่ 1 ข้อที่ 6 ว่า ทางเท้าต้องมีความกว้างข้างละไม่น้อยกว่า 1.50 เมตร นอกจากนี้เกณฑ์และมาตรฐานผังเมืองรวม พ.ศ. 2549 ของกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้กำหนดความกว้างของทางเท้าว่า หากเดินสวนกันต้องมีพื้นที่ฝั่งละ 0.75 เมตร หรือรวมแล้ว 1.50 เมตร เช่นกัน
จากข้อมูลของโครงการเมืองเดินได้-เมืองเดินดี ของศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UddC) ที่ได้สำรวจสภาพแวดล้อมทางกายภาพของทางเท้าในพื้นที่ศึกษา 34 แห่งทั่วกรุงเทพฯ พบว่า ความกว้างเฉลี่ยของทางเท้าอยู่ที่ 1.03 เมตรเท่านั้น ขณะที่ตามตรอก ตามซอย คนต้องเดินเท้าบนถนนร่วมกับรถยนต์และจักรยานยนต์
ทางเท้าที่แคบ เต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง และสภาพทางเท้าที่ไม่เอื้อต่อการเดิน จึงไม่แปลกที่ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ. 2557-2561 พบว่า คนเดินเท้าในกรุงเทพฯ ประสบอุบัติเหตุเฉลี่ยปีละ 821 ราย สาเหตุของอุบัติเหตุหลักๆ ได้แก่ พฤติกรรมผู้ขับขี่ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ และสภาพถนนกับสิ่งแวดล้อม
ขณะที่ทางเท้ามีจำกัด แต่การสร้างถนนเพิ่มขึ้นทุกปี สถิติจากศูนย์ปฏิบัติการคมนาคม กระทรวงคมนาคม ระบุว่า กรุงเทพ ฯ ขยายถนนเพิ่มจากความยาว 2,000 กิโลเมตร ในปี พ.ศ.2559 เป็น 4,074 กิโลเมตร ในปีพ.ศ. 2562 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว