“วิษณุ” ชี้ คดีผู้สมัครอนาคตใหม่สกลนคร ถือหุ้นสื่อฯถูกตัดสิทธิ ไม่ยกเปรียบเทียบบรรทัดฐานคดีอื่น เหตุแตกต่างในรายละเอียด
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคำวินิจฉัยของศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง ที่1706/2562 ระหว่างผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 จ.สกลนคร ยื่นคำร้องว่านายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ผู้คัดค้าน ขาดคุณสมบัติ เป็นผู้มีสิทธิรับสมัครเลือกตั้งหรือเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นหุ้นส่วนในกิจการ สื่อมวลชน จะถือเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินคดีหุ้นสื่อฯ ของผู้สมัคร ส.ส.คนอื่นหรือไม่ ว่า เมื่อศาลฎีกาตัดสินมาอย่างนั้นใน 2 คดี คือ คดีที่ จ.สกลนคร และอ่างทอง ตนยอมรับว่าเป็นเรื่องแปลกที่ศาลมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างนั้น เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 108 ใช้คำว่าเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้น ในกิจการที่เป็นสื่อสารมวลชน ซึ่งคำว่ากิจการนั้น หากถามตนคาดว่าน่าจะเป็นคนละอย่างกับคำว่าบริษัทหรือนิติบุคคล และในความเป็นจริงคนที่ไปถือหุ้นก็ไม่รู้ว่าบริษัทนั้นมีวัตถุประสงค์อะไรบ้าง
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า แต่จะมีบางรายที่ในวัตถุประสงค์ตามแบบมาตรฐานนั้น ไม่มี แต่เขาเขียนเติมลงไปเอง ซึ่งในกรณีจังหวัดสกลนคร และอ่างทองเขาไปเขียนเติมวัตถุประสงค์ในตอนยื่นจดทะเบียนว่าประกอบกิจการสื่อมวลชน ซึ่งรายละเอียดมากกว่าในแบบมาตรฐาน ศาลจึงมองว่ามีความตั้งใจที่จะทำการนั้น แต่ถ้าเป็นรายอื่นที่ถือหุ้นธรรมดาในบริษัทแล้ววัตถุประสงค์ไม่ได้เขียนเติมไป แต่เป็นไปตามแบบมาตรฐาน ตนยังรู้สึกเห็นใจว่าแบบนี้ไม่น่าจะเข้าข่าย และเมื่อเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมาก็มีคนไปร้องศาล เพื่อให้ศาลพิจารณา ทั้งนี้ ยังมีกรณีที่จ.สระแก้ว ซึ่งศาลกลับตัดสินว่าไม่เป็นลักษณะต้องห้าม
“ปกติเมื่อกระบวนการผ่านมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าจะหาว่าผิดก็ต้องเข้าไปสู่กระบวนการที่ขอให้ศาลเป็นคนสั่งให้พ้น เรื่องนี้จึงตอบลำบาก เพราะเป็นคดีอยู่ ผมไม่อยากลงลึก ดังนั้น 2 คดีดังกล่าวจะเป็นบรรทัดฐานคงพูดอย่างนั้นไม่ได้ ต้องร้องศาลก่อน ซึ่งอาจจะมีการเปรียบเทียบแบบคดีต่อคดีเพียงไม่กี่คดีก็รู้แล้ว แต่วันนี้คดีที่ต่างจากจ.สกลนครยังไม่มีบรรทัดฐาน” นายวิษณุ กล่าว