วันนี้(4 ก.พ.)เป็นวันแรกที่ข้าราชการกระทรวงยุติธรรม กลับเข้าทำงานที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ หลังถูกกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ปิดล้อมพื้นที่ตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สาเหตุที่แกนนำการชุมนุม ยอมเปิดพื้นที่ให้เป็นผลมาจากการเจรจาขอคืนพื้นที่ของรองปลัดกระทรวงยุติธรรม วันนี้ทีมข่าววอยซ์ทีวีได้พูดคุยกับผู้นำการเจรจาอย่างสันติวิธีจนประสบความสำเร็จ
นี่คือความรู้สึกของข้าราชการกระทรวงยุติธรรม หลังทราบข่าวการเจรจาขอคืนพื้นที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะประสบความสำเร็จ แม้ว่าต่อจากนี้การปฏิบัติงานของพวกเขา จะต้องผ่านขั้นตอนที่ยุ่งยากมากขึ้น เช่นการต่อแถวเซ็นชื่อและแสดงบัตรประจำตัวก่อนเข้าอาคารทุกเช้า รวมทั้งการถูกห้ามปฏิบัติงานหลัง 18.00 น. และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ตามคำสั่งของพระพุทธะอิสระ แกนนำผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล
แม้ไม่สามารถเข้ากระทรวงได้ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ข้าราชการกระทรวงยุติธรรมกว่า 1,500 คน ไม่สามารถยุติการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนได้ เนื่องจากทุกคดี มีข้อจำกัดเรื่องเงื่อนเวลา และต้องปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งคำสั่งศาล ดังนั้น หากกระบวนการยุติธรรมสะดุดลง ก็จะส่งผลกระทบต่อสิทธิของประชาชน โดยไม่สามารถเรียกย้อนกลับมาได้
ความทุกข์ที่ไม่สามารถให้บริการประชาชนได้ตามปกติ ประกอบกับความเชื่อที่ว่า การใช้กำลังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การเจรจาขอคืนพื้นที่กระทรวงยุติธรรม จากกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลจึงเริ่มต้นขึ้น โดยจำกัดกรอบเจรจาที่ชัดเจนเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน และตัดประเด็นที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองทั้งหมด อย่างภารกิจของสำนักรัฐมนตรี กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ รวมทั้งงานด้านวิชาการ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การพักแรมในพื้นที่ชุมนุมตลอด 3 คืน เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเวทีเจรจาขอคืนพื้นที่ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม บอกว่า การแสดงความจริงใจ ส่งผลให้กรอบเจรจาที่ชัดเจนอยู่แล้ว มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ซึ่งเขาหวังให้การเจรจาขอคืนพื้นที่ แบบใช้ใจคุยกับใจ จะเป็นโมเดลการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้งอื่นๆ ในสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม มองว่า ความขัดแย้งทางการเมือง หากมองเป็นโอกาส คือการกระตุ้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนทุกภาคส่วน ที่มีจุดร่วมเดียวกัน คือ การปฏิรูปประเทศ และเป็นโอกาสพัฒนาระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องรับฟังเสียงของประชาชนมากขึ้น รวมทั้งโอกาสปฏิรูปโครงสร้างราชการขนานใหญ่ หากโอกาสทั้งหมดต้องเริ่มต้นจากการหันหน้าเข้าหน้ากัน และยอมรับการปฏิรูปอย่างค่อยเป็นค่อยไป