ไม่พบผลการค้นหา
World Trend - ญี่ปุ่นเผชิญวิกฤติอัตราเกิดน้อยเป็นประวัติการณ์ - Short Clip
World Trend - มาเลเซียจะกลับมาเป็น 'เสือแห่งอาเซียน' ใน 3 ปี - Short Clip
World Trend - อัตราเกิดใน 'ญี่ปุ่น' ต่ำเป็นประวัติการณ์ - Short Clip
World Trend - เทสลาปิดโชว์รูมลดต้นทุน เดินหน้าขายออนไลน์ - Short Clip
World Trend - นิวซีแลนด์จัดงบตาม 'คุณภาพชีวิตประชาชน' - Short Clip
World Trend - แอปเปิลสั่งลดการผลิตไอโฟนรุ่นใหม่ลง 20 % - Short Clip
World Trend - ฮ่องกงเล็งสร้าง 'เกาะเทียม' แก้ปัญพื้นที่น้อย - Short Clip
World Trend - เกาหลีใต้จำกัดจำนวนไอดอล 'หน้าเหมือนกัน' - Short Clip
World Trend - ปารีสจ่อฟ้อง Airbnb เผยแพร่โฆษณาปลอม - Short Clip
World Trend - GM เตรียมปิดโรงงานในอเมริกาเหนือ-ปลดพนง. 14,000 คน - Short Clip
World Trend - ยอดขายหัวเว่ยทะลุแสนล้าน แม้ถูกกีดกันจากทั่วโลก - Short Clip
World Trend - ออสการ์ประกาศเพิ่มสาขาหนังยอดนิยม - Short Clip
World Trend - สาวเกาหลีใต้ลุกฮือปฏิวัติการให้คุณค่า ‘ความงาม’ - Short Clip
World Trend - แอปเปิลปลดพนักงานพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ 200 คน - Short Clip
World Trend - อังกฤษปรับเฟซบุ๊ก 21 ลบ.จากกรณี 'เคมบริดจ์อนาลิติกา' - Short Clip
World Trend - นิวซีแลนด์เตรียมแก้ กม.อาวุธปืน หลังเหตุกราดยิง - Short Clip
World Trend - ชาวเคนยาถูกนายจ้างจีนเหยียดผิวในประเทศตัวเอง - Short Clip
World Trend -​ จีนปราบปรามพอดแคสต์สุ่มเสี่ยง -Short Clip
World Trend - 'หัวเว่ย' โตต่อเนื่อง ไม่หวั่นข้อพิพาทแคนาดา-สหรัฐฯ - Short Clip
World Trend - นาริตะเริ่มใช้ระบบจดจำใบหน้าผู้โดยสาร - Short Clip
World Trend - สหรัฐฯ ให้ผู้ขอวีซ่าระบุบัญชีโซเชียลมีเดีย - Short Clip
Jun 4, 2019 06:04

คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ บังคับใช้มาตรการคัดกรองคนเข้าเมืองใหม่ โดยกำหนดให้ผู้ยื่นขอวีซ่าสหรัฐฯ แทบทุกชนิด จำเป็นต้องแจ้งชื่อบัญชีโซเชียลมีเดียของตัวเองที่ใช้งานในช่วง 5 ปีล่าสุด พร้อมอีเมล และหมายเลขโทรศัพท์

สำนักข่าว BBC รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้อัปเดตแบบฟอร์มยื่นขอวีซ่าชั่วคราว DS-160 และแบบฟอร์มยื่นขอวีซ่าถาวร DS-260 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2019 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ผู้ยื่นขอวีซ่าระบุชื่อบัญชีโซเชียลมีเดียที่ใช้งานในช่วง 5 ปีล่าสุด รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลด้วย เพื่อคัดกรองนักเดินทางและผู้อพยพ

ทั้งนี้ มีเพียงวีซ่าการทูตและวีซ่าราชการบางชนิดเท่านั้น ที่จะได้รับการยกเว้นจากมาตรการใหม่นี้ และหากผู้ยื่นขอวีซ่าไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดียก็สามารถระบุได้ว่าไม่ได้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม ทางการระบุว่าหากผู้ยื่นขอวีซ่าให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการใช้งานโซเชียลมีเดียอาจพบกับบทลงโทษที่รุนแรงได้ โดยนโยบายใหม่นี้ถูกเสนอเมื่อเดือนมีนาคม 2018 และคาดว่าจะกระทบกับชาวต่างชาติที่ยื่นขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ปีละ 14.7 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ยื่นขอวีซ่าชั่วคราว 14 ล้านคน และผู้ยื่นขอวีซ่าถาวร 710,000 คน

แต่เดิมการคัดกรองด้วยการตรวจสอบประวัติการใช้งานโซเชียลมีเดีย อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ใน เป็นมาตรการที่ใช้เฉพาะกับผู้ยื่นขอวีซ่าที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษเท่านั้น เช่น ผู้ที่เคยเดินทางไปยังประเทศที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งมีการประมาณการณ์ว่ามีผู้ตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวปีละประมาณ 65,000 ราย

กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า ความมั่นคงของชาติสำคัญเป็นอันดับแรก เมื่อมีการปรับแก้แบบฟอร์มการยื่นขอวีซ่าครั้งนี้ นักเดินทางและผู้อพยพที่เดินทางมายังสหรัฐฯ ในอนาคตทุกคนจะต้องได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยทางกระทรวงฯ ระบุเพิ่มเติมว่าได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อหากลไกในการพัฒนากระบวนการคัดกรองเพื่อปกป้องพลเมืองสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ก็สนับสนุนการเดินทางมาสหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมายเช่นเดียวกัน


Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
184Article
76559Video
0Blog