เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการเรียกร้องรัฐยกเลิกบัตรคนจน แนะเปลี่ยนวิธี เป็นจัดระบบสวัสดิการแบบถ้วนหน้า กระจายทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำ
นางสาวสุรีรัตน์ ตรีมรรคา ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กล่าวว่า เครือข่ายฯ ต้องการให้รัฐยกเลิกบัตรคนจน แล้วเปลี่ยนไปเป็นการจัดสวัสดิการแบบถ้วนหน้าให้กับประชาชนอย่างเป็นธรรมและ ทั่วถึง แม้ที่ผ่านมา รัฐมักอ้างว่า มีงบประมาณไม่เพียงพอสำหรับการจัดสวัสดิการแบบถ้วนหน้า จึงต้องช่วยเฉพาะคนจน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ รัฐกลับเร่ขายพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษจูงใจต่างชาติเข้ามาลงทุน ให้สิทธิยกเว้นภาษีนิติบุคคลนาน 7-15 ปี ทำให้รัฐสูญรายได้กว่า 2 แสนล้านบาท และจัดสรรงบประมาณจ่ายบำนาญข้าราชการ 6-7 แสนคน ใช้เงินกว่าปีละ 2 แสนล้านบาท แต่จ่ายเบี้ยยังชีพคนชรา 8 ล้านคน ใช้เงิน 64,000 ล้านบาท
อีกทั้งล่าสุดสภานิติบัญญัติแห่งชาติยังเห็นชอบแก้ไขพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ เพิ่มเงินเบี้ยชราให้เฉพาะคนจนที่ลงทะเบียนกับรัฐ
ด้านนางจุติอร อมรรัตนเวช ตัวแทนเครือข่ายสลัมสี่ภาค กล่าวว่า บัตรคนจนมีปัญหาตั้งแต่การลงทะเบียน เพราะกำหนดให้คนที่มีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปีมาลงทะเบียน แต่ในทางปฏิบัติ ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่ง ที่มีรายได้ต่ำกว่าปีละ 3 หมื่นบาท แต่ไม่สามารถลงทะเบียนคนจนได้ เพราะมีชื่อร่วมเปิดบัญชีของกลุ่มเครือข่ายสลัมสี่ภาค เป็นต้น
ดังนั้นโครงการนี้จึงไม่แก้ปัญหาคนจน แต่ทำให้คนจนแตกแยก และเกิดความเหลื่อมล้ำ
ขณะที่นายระนอง ซุ้นสุวรรณ ตัวแทนเครือข่ายแรงงานนอกระบบ กล่าวว่า การแจกเงินให้คนจนผ่านบัตรคนจน เป็นการช่วยเหลือเพียงชั่วคราว ให้พอมีเงินในส่วนที่ไม่พอใช้จ่ายได้บ้าง แต่อีกด้านกลับเป็นการแบ่งแยกคนจนกับคนรวยชัดเจนมากขึ้น จึงเสนอให้รัฐเปลี่ยนไปจัดเป็นบำนาญขั้นพื้นฐาน สร้างสวัสดิการที่เท่าเทียมแทน
นางชุลีพร ด้วงฉิม ตัวแทนกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า ถ้ารัฐต้องการลดความเหลื่อมล้ำ ควรนำเงินในระบบสุขภาพต่างๆ มาจัดการรวมกันมาอยู่ในระบบเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงระบบสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมาตรฐานเดียวกัน เป็นการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด