AIS และบริษัท เอช ไอ พี โกลบอล ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าความปลอดภัยระดับสากล ร่วมกันพัฒนาโซลูชั่น "NB-IoT Motor Tracker" สนับสนุนและเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยการเชื่อมต่อเทคโนโลยีติดตามยานพาหนะบนเครือข่าย AIS NB-IoT ที่ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ
นางสาว อัศนีย์ วิภาตเวทย์ หัวหน้าส่วนงานผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กรและบริการระหว่างประเทศ AIS กล่าวว่า เทคโนโลยี IoT นับเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาสมาร์ท ซิตี้ ให้เกิดขึ้นได้จริง ที่ผ่านมา เอไอเอสได้รับความเชื่อมั่นจากหลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน นำเทคโนโลยี IoT เข้าไปเสริมศักยภาพในการทำงาน ล่าสุดคือ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยได้พัฒนาโซลูชั่นใหม่ ที่เรียกว่า "NB-IoT Motor Tracker" เป็นครั้งแรก
โซลูชั่นดังกล่าว จะมีการนำอุปกรณ์ Tracker ติดตั้งกับรถจักรยานยนต์ตำรวจ จำนวน 360 คัน สามารถส่งพิกัดที่อัปเดตแบบ Near Real Time ผ่านเครือข่าย NB-IoT ทำให้ศูนย์บัญชาการส่วนกลางสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุด เข้าไปช่วยเหลือดูแลประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มนำร่องใน 9 สถานี ได้แก่ สถานีตำรวจชนะสงคราม, พญาไท, ดินแดง, ดุสิต, นางเลิ้ง, บางโพ, มักกะสัน, ห้วยขวาง และสามเสน ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการนำนวัตกรรมดิจิทัลเข้ามาขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของภาครัฐ
ด้าน พลตำรวจตรี ด็อกเตอร์ เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวว่า มีแผนจะนำเทคโนโลยีมาช่วยให้การทำงานคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 มีจักรยานยนต์ตำรวจ 360 คัน คอยสแตนบายวิ่งตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว จึงได้ร่วมมือกับเอไอเอส และ บริษัทเอช ไอ พี นำ "NB-IoT Motor Tracker" (เอ็นบี ไอโอที มอเตอร์ แทร็กเกอร์) มาติดตามพิกัดของจักรยานยนต์ตำรวจ เพื่อให้ง่ายต่อการสั่งการ สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ทันที
สำหรับจุดเด่นของ AIS NB-IoT คือ ใช้พลังงานไฟฟ้าต่ำ ช่วยทำให้อายุแบตเตอรี่อยู่ได้นาน 10 ปี สามารถรองรับอุปกรณ์ IoT ได้สูงสุดระดับแสนตัวต่อสถานี รัศมีครอบคลุม 10 กิโลเมตร ในตัวอาคารก็ยังรับสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาเครือข่ายให้เปิดบริการ IoT ได้อย่างรวดเร็ว เพราะออกแบบอุปกรณ์ให้ใช้ร่วมกับโครงข่าย 4G ในปัจจุบันได้
อย่างไรก็ตาม AIS พร้อมให้คำปรึกษากับทุกองค์กรที่สนใจนำ IoT ไปใช้ในการทำงาน สามารถติดต่อได้ตามที่อยู่ที่ขึ้นด้านล่างหน้าจอ