Big Story ชุด เนรมิตเชียงใหม่สู่ Smart City ตอน ปรับตัวรับคลื่น "จีน" ก่อนเชียงใหม่เป็นสมาร์ทซิตี้
ทักษะการร้องเพลงจีนของน้องแทนคุณ หรือ "เกาเจี๋ย" นักเรียนอนุบาล 3 เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่โรงเรียนซินเซิงวานิชบำรุง สอนในชั่วโมงเรียน ที่นี่คือต้นแบบการสอนภาษาจีนเข้มข้นที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ เพราะสอนให้นักเรียนชั้นอนุบาลเรียนรู้ศัพท์ภาษาจีนที่หลากหลาย เช่น การนับเลข ผลไม้ สถานที่ และร้องเพลงภาษาจีนตอนเข้าแถวนักเรียนในช่วงเช้า
แม่ของน้องแทนคุณ มองเห็นโอกาสของเทรนด์จีนที่เข้ามาในเชียงใหม่เมื่อหลายปีก่อน เธอจึงยอมย้ายลูกชายที่เคยเรียนอนุบาล 2 จากโรงเรียนเดิม มาปูพื้นฐานภาษาจีน ก่อนเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งต้องเรียนทั้งหลักสูตรเป็นภาษาจีน และเรียนแยกจากนักเรียนหลักสูตรปกติ
เพราะครอบครัวทำธุรกิจออนไลน์และติดต่อกับซัพพลายเออร์ในจีน ทำให้น้องแทนคุณซึมซับการทำงานของแม่ จึงเกิดเป็นคำตอบที่ไร้เดียงสา แต่บอกถึงอนาคตของจีนที่มีต่อไทยได้ไม่น้อย
เมนูในร้านอาหารตามสั่งบนถนนนิมมานเหมินทร์ แสดงภาษาจีนชัดเจนยิ่งกว่าภาษาไทย เป็นหนึ่งในวิธีการรับมือกับนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในเมืองเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี
กระแส Thai Pop ที่ชาวจีนชื่นชอบละครโทรทัศน์ของไทย ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเริ่มมาเที่ยวเมืองไทยตั้งแต่ปี 2552 และเริ่มชัดเจนมากขึ้นในปี 2555 ที่มีภาพยนตร์เรื่อง The Lost in Thailand แม้ในช่วงแรกพฤติกรรมชาวจีนสร้างปัญหาให้เชียงใหม่ แต่ปัจจุบันพวกเขาปรับตัว รวมถึงคนเชียงใหม่ก็ปรับตัวตามไปด้วย เพราะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ
ปี 2559 นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในไทย 8 ล้าน 8 แสนคน และคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2563 จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศมากถึง 300 ล้านคน แน่นอนว่าหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่พวกเขาเลือกยังเป็นประเทศไทย และจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญอย่างเชียงใหม่ ก็ยังเป็นเมืองน่าหลงไหลสำหรับคลื่นจีน
