นายจาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว Chaturon Chaisang ในโอกาสครบรอบปีของการรัฐประหาร วานนี้ (22 พ.ค.61) โดยสรุปว่า
คสช.อ้างความจำเป็นในการระงับความขัดแย้งวุ่นวายเข้าทำรัฐประหาร ผ่านไป 4 ปี คสช.ก็ยังใช้เรื่องการระงับความขัดแย้งวุ่นวายนี้เป็นข้ออ้างในการอยู่ในอำนาจต่อไปอยู่อีก ทั้งยังพยายามบอกกับสังคมว่า หากไม่มีคสช.เมื่อใดแล้ว ความขัดแย้งวุ่นวายก็จะกลับมาอีก
สิ่งที่อ้างว่า เป็นภารกิจสำคัญของคสช.นั้นล้มเหลวหมดในทุกด้าน ไม่มีความพยายามใดๆ ที่จะสร้างความปรองดองในสังคมไทย ไม่มีการศึกษาต้นเหตุความขัดแย้ง ไม่มีการพิจารณาข้อเสนอในอดีต ไม่มีการพูดจาหารืออย่างเท่าเทียมของผู้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง หรือผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ปัญหาพื้นฐานของความขัดแย้งในสังคมไทยจึงยังคงอยู่
ซ้ำร้ายคสช.ยังได้ใช้อำนาจตามอำเภอใจ จำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้ที่เห็นแตกต่าง เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเลือกปฏิบัติ รวมทั้งสร้างระบบที่พวกเขาจะอยู่ในอำนาจต่อไป โดยประชาชนไม่มีสิทธิ์มีเสียงที่จะกำหนดความเป็นไปของบ้านเมืองได้
สิ่งที่คสช.ใช้เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจอวดอ้างมาตลอดว่า จะเอาจริงเอาจัง คือ การต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น แต่การบริหารประเทศแบบไม่มีใครตรวจสอบถ่วงดุลได้ ทำให้มีการทุจริตคอรัปชั่นมากขึ้นๆและการปราบปรามก็เป็นไปอย่างลูบหน้าปะจมูกและเลือกปฏิบัติ
ที่เลวร้ายกว่านั้น คือ การวางบุคลากรที่เป็นพวกพ้องใกล้ชิดกับผู้นำคสช.ให้เป็นผู้มีอำนาจควบคุมกลไกสำคัญในการปราบคอรัปชั่น ทั้งๆ ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ทำให้ระบบต่อต้านการคอรัปชั่นกลายเป็นระบบที่ปกป้องพวกพ้องและเอื้ออำนวยให้เกิดการคอรัปชั่นที่ไม่มีใครทัดทานได้
การรัฐประหาร ทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวงและสิ่งที่รัฐบาลคสช.ทำในชวง 4 ปีมานี้ ไม่ได้ทำให้ปัญหาลดน้อยลง เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าที่สุดในภูมิภาค ความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเลื่อนการเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า และความไม่ชัดเจนว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้แม้มีการเลือกตั้งแล้วก็ตาม ทำให้นักลงทุนต่างประเทศไม่กล้ามาลงทุนในประเทศไทย
หลังการรัฐประหาร ผู้นำคสช.กลับเปิดเผยจุดมุ่งหมายและแผนการของตนเองกับพวกออกมาอย่างล่อนจ้อน เมื่อเชื่อมโยงกับการวางกฎกติกาสูงสุดของบ้านเมืองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว การประกาศตัวเป็นนักการเมืองที่มีอดีตเป็นทหาร การดำเนินการต่างๆ ทั้งการออกกฎหมายและคำสั่งที่มุ่งทำให้พรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมและระบบพรรคการเมืองทั้งระบบอ่อนแอ การสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างพรรคการเมืองเพื่อช่วยเหลือพรรคการเมืองที่สนับสนุนผู้นำคสช. การใช้งบประมาณหว่านโปรยไปในพื้นที่ที่ต้องการดึงดูดพรรคการเมืองหรือนักการเมืองให้มาสนับสนุนตนเอง และการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมเลือกปฏิบัติต่อพรรคการเมืองและนักการเมือง
หากผู้ที่มาจากการรัฐประหารและพวกสามารถสืบทอดอำนาจตามที่ได้วางแผนไว้ การบริหารปกครองประเทศก็จะขาดการตรวจสอบถ่วงดุล เนื่องจากระบบกลไกที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบถ่วงดุลทั้งหลาย ได้ถูกจัดการให้ตกอยู่ใต้อำนาจอิทธิพลของพวกเขาหมดแล้ว หากไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างมากพอ ประเทศไทยจะล้าหลังและไม่อาจปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงแก่ประชาชนไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
จะปรับเปลี่ยนระบบโครงสร้างให้เป็นประชาธิปไตย ให้ประเทศพัฒนาและปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้หรือไม่ ก็ขึ้นกับประชาชนอีกเช่นกัน
.....,
ขณะที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้สัมภาษณ์วานนี้ (22 พ.ค.61) ถึงผลงาน 4 ปี คสช. ว่า 'สบายใจทุกวัน คสช.พยายามทำงานทุกอย่าง ประชาชนก็เห็น ผู้สื่อข่าวก็เห็น ท่านนายกฯยิ่งหนัก คนเดียวสั่งการ 21 กระทรวง เศรษฐกิจก็ดีขึ้นตั้งเยอะ'