ถอดจัดระเบียบหมาบ้า -ผ่ากา��เมืองไทย กับกระแสออเจ้า! ความทะเยอทะยานและการแย่งชิงอำนาจ
นางสาวจันทร์ยวีร์ สมปรีดา หรือ รอมแพง ผู้ประพันธ์นิยายเรื่อง บุพเพสันนิสวาส ยืนยันว่า กระแสของละครที่โด่งดังในขณะนี้จะไม่ทำให้คนไทยโหยหาแต่อดีตที่รุ่งเรือง เมื่อละครจบไปแล้วกระแสสังคมก็จะซาลงไป ซึ่งละครบุพเพสันนิสวาส สอดแทรกแง่มุมการเมืองในสมัยอยุธยาที่มีการแย่งชิงอำนาจกัน และการคุกคามของฝรั่งต่างชาติที่เข้ามารับราชการและทำการค้าจนได้ดิบได้ดี มีการวางอำนาจข่มเหงคนไทย อย่างเช่นฉากหนึ่งในละครที่นางเอกถูกคุกคาม และตอบโต้ด้วยการ ตำหนิชาวต่างชาติด้วยวลีที่ว่า “คนต้องเท่ากัน”
สำหรับกรณีที่มีการระบุว่า ละครบุพเพสันนิสวาส สะท้อนภาพในสังคมไทยปัจจุบันที่เชื่อมโยงไปถึงอนาคต รอมแพง ระบุว่า ''คิดแค่กรอบประวัติศาสตร์เท่านั้น ไม่ได้คาดหวังไปถึงขนาดนั้นว่าละครเรื่องนี้ จะทำเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือสังคมได้''
เมื่อถามว่า อยากให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้การเมืองการปกครองในอดีตผ่านละครเรื่องนี้อย่างไร รอมแพง ยอมรับว่า ''ไม่สามารถที่จะไปบังคับหรือจุดประกายอะไรได้ เพียงแต่คิดว่า คนที่ได้ดูละครเรื่องนี้ นอกจากจะได้รับความสนุกแล้ว ก็จะได้รับความรู้เอาไปต่อยอดในการศึกษาค้นคว้าด้วยการอ่านประวัติศาสตร์เพิ่มเติม''
รอมแพง เผยมุมมองอนาคตการเมืองไทย เหมือนในนิยายเรื่องนี้ โดยระบุว่า ''ปกติของมนุษย์แล้ว อำนาจเป็นสิ่งที่หอมหวานอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล ว่าจะสามารถระลึก รู้ ว่าตัวเอง มีขีดจำกัดหรือมีความสามารถแค่ไหน ในทางด้านศีลธรรม การถ่ายทอดเรื่องราว ไม่คิดจะอิงการเมืองปัจจุบันเท่าไหร่ แต่จะคำนึงถึงความเป็นมนุษย์ที่มีความทะเยอทะยานอยากได้อยากเป็น''
ขณะที่ 'ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค' ศิลปินและนักแต่งชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "Nitipong Honark" อธิบายถึงกรณีวัตถุประสงค์ของการสร้างละครเรื่องดังกล่าวเพื่อชี้แจงประเด็นที่นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ได้วิจารณ์ โดยมีเนื้อหาสรุปว่า
''เห็นท่านที่เป็นอาจารย์วิชาการประวัติศาสตร์ มานั่งค่อนแคะจับผิดมหรสพที่ชาวบ้านเขาชื่นชอบกัน มันก็คือมหรสพนะ มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่การล่มสลายของแอตแลนติส เฮเลนแห่งกรุงทรอยห รือแม้กระทั่งต้นกำเนิดของศาสนาหลายศาสนา ที่มีทั้งบันทึก ตำนาน และยังไม่มีอะไรที่สรุปเป็นความจริงได้
ผิด...ห้ามทำแบบนี้อีก
ละครบุพเพสันนิวาส เป็นมหรสพอิงประวัติศาสตร์จ้ะ ต้องแต่งเติมจินตนาการ สำคัญอย่างยิ่งคือต้องให้คนดูตื่นเต้นสนใจ แล้วไปค้นคว้าต่อ ไม่ใช่การอ้างอิงเข้มงวด ขาเขียนเป็นนิยาย...เข้าใจไหมวะ อาจารย์หัวสี่เหลี่ยม นักวิชาการฝรั่งก็ยังไม่ได้ถือสาอะไรเลย คนทั่วโลกก็สนใจประวัติศาสตร์สิ่งนี้....ซึ่งฉันยืนยันว่าดี..ดีกว่า แม่งไม่สนใจประวัติศาสตร์อะไรเลย...แล้วค่อยไปถกเถียงกัน ว่าเออ อันนี้น่าจะใช่ อันนี้ไม่น่าใช่ อย่าลืมว่า พวกเราที่เกิดมาวันนี้ ก็ไม่รู้เรื่องจริงหมดดอก...อย่าผยองว่า เป็นอาจารย์ แล้วสถานภาพ ทุกคนต้องเชื่อฟังว่าถูก...''