เมื่อวานนี้ (5 มี.ค.61) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เกิดอาการไม่สบอารมณ์ ขณะเยี่ยมชมองค์การสะพานปลา จ.สมุทรสาคร หลังอธิบดีกรมการจัดหางานรายงานว่า เครื่องสแกนม่านตามีไม่เพียงพอ ซึ่งประเด็นนี้อาจเป็นปัจจัยเขย่ากระทรวงแรงงานอีกรอบ หากขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวไม่ทันในเดือนมีนาคมนี้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงอาการไม่พอใจ พร้อมกับไล่บี้อธิบดีกรมการจัดหางานและประชดว่า ‘ทำไมไม่พอ จะไม่ยืดเวลาขึ้นทะเบียนออกไปอีกแล้ว ภายในเดือนมีนาคมต้องเสร็จเป็นงานที่ควรจะทำเสร็จตั้งแต่ชาติที่แล้ว...’
การแสดงความไม่พอใจของนายกฯ ทำให้ นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน ซึ่งเป็นผู้กล่าวรายงาน ถึงกับหน้าถอดสี รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้ง พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน , นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และนายอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ต่างพากันนิ่งเงียบ
นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวถึงเครื่องสแกนม่านตาว่า ทางกรมการเจ้าท่าได้จัดซื้อเครื่องสแกนม่านตาไว้ 30 เครื่อง เพื่อนำไปเก็บอัตลักษณ์ของแรงงานประมง ซึ่งสามารถเก็บอัตลักษณ์ได้ประมาณ 6,000 คน ต่อมาได้มีการมอบเครื่องสแกนม่านตานี้ให้กรมการจัดหางานยืมไปใช้เก็บม่านตาของลูกเรือประมง ประมาณเดือนตุลาคม 2560
ซึ่งทางกรมการจัดหางานได้นำเครื่องสแกนม่านตานี้ไปใช้เก็บอัตลักษณ์แรงงานแล้วทั้งหมด 93,000 คน ขณะที่เป้าหมายในการจัดเก็บอัตลักษณ์ของแรงงานประมงอยู่ที่กว่า 100,000 คน โดยยังเหลือแรงงานที่ต้องเก็บอัตลักษณ์อีกประมาณ 5-6 หมื่นคน
“ผมได้จัดหาเครื่องสแกนม่านตาที่อยู่ใน 22 จังหวัด เพื่อส่งเข้าไปในจังหวัดสมุทรสาคร 10 กว่าเครื่องแล้ว และจะลงไปเก็บข้อมูลในสถานประกอบการเลย นอกจากนี้เครื่องสแกนม่านตาที่ยืมมาจากกรมเจ้าท่าใช้ได้เพียง 26 เครื่องจาก 30 เครื่อง โดยคาดว่าสิ้นเดือน มี.ค.นี้ ก็น่าจะจัดเก็บอัตลักษณ์ได้เกือบหมด และคาดว่ามีเครื่องสแกนม่านตาเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอ” อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าว
สำหรับกรณีการซื้อเครื่องสแกนม่านตา เคยสร้างปัญหาให้กับกระทรวงแรงงานมาแล้ว ทำให้ คสช. ต้องใช้ ม.44 สั่งย้ายด่วน นายวรานนท์ ปีติวรรณ อดีตอธิบดีกรมจัดหางานไปเป็นรองปลัดกระทรวง จนเป็นสาเหตุให้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล อดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงแรงงานพร้อมทีมงานลาออกจากตำแหน่ง จากกรณีการจัดซื้อเครื่องสแกนม่านตาที่ล่าช้า และทำให้การขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเป็นไปด้วยความล่าช้า