แหล่งข่าวตำรวจและนักสิ่งแวดล้อมเปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังกลายเป็นที่ทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์จากทั่วโลก หลังจีนสั่งห้ามนำเข้าขยะไฮ-เทค
เมื่อวันอังคาร ที่ 29 พ.ค. 2561 ตำรวจท่าเรือแหลมฉบังเปิดให้สื่อมวลชนเข้าชมตู้คอนเทนเนอร์7 ตู้ ซึ่งอัดแน่นด้วยขยะอิเล็กทรอนิกส์ มีตั้งแต่เครื่องเล่นเกมส์ บอร์ดคอมพิวเตอร์ จนถึงวัสดุโลหะต่างๆ ขยะไฮ-เทคเหล่านี้ถูกส่งมาจากฮ่องกง สิงคโปร์ และญี่ปุ่น บางส่วนถูกนำเข้าโดยบริษัทที่ไม่มีใบอนุญาต
พล.ต.อ.วีระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์จากทุกมุมโลกกำลังไหลเข้ามาในประเทศไทย ตำรวจได้แจ้งข้อหาบริษัทรีไซเคิล 3 แห่งซึ่งไม่มีโควตานำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ บุคคลที่กระทำความผิดมีโทษจำคุกสูงสุด10 ปี
ขยะไฮ-เทคถูกนำมาแยกชิ้นส่วนเพื่อเก็บเอาโลหะมีค่า เช่น ทองคำ เงิน และทองแดง แต่ขยะเหล่านี้มีส่วนผสมของวัตถุมีพิษ เช่น ตะกั่ว ปรอทและแคดเมียม
จีนได้สั่งห้ามนำเข้าขยะ 24 ชนิดจากต่างประเทศเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เกิดความวิตกว่า ของเสียเหล่านั้นจะหลั่งไหลไปยังประเทศเพื่อนบ้านของจีน การห้ามนำเข้าดังกล่าวทำให้มีขยะอิเล็กทรอนิกส์สะสมตั้งแต่เอเชียจนถึงยุโรป บรรดาผู้ส่งออกต่างมองหาผู้รับซื้อรายใหม่
ตามตัวเลขเมื่อปี 2016 ขยะอิเล็กทรอนิกส์ราว 70 % จากปริมาณ 500 ล้านตันทั่วโลก ถูกส่งไปรีไซเคิลในจีน นักสิ่งแวดล้อมบอกว่า นับแต่จีนเลิกนำเข้า ขยะเหล่านั้นบ่ายหน้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นางสาวเพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ บอกว่า หลังจากจีนห้ามนำเข้า ประเทศไทยอาจกลายเป็นหนึ่งในที่ทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์แหล่งใหญ่ที่สุดของโลก
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะตรวจสอบการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วประเทศ อย่างไรก็ดี นางสาวเพ็ญโฉมบอกว่า ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร