แอมะซอนโก ซูเปอร์มาเก็ตไร้แคชเชียร์ประสบความสำเร็จต่อเนื่องหลังเปิดไปแล้ว 7 สาขาใน 1 ปี ล่าสุดเตรียมเปิดแอมะซอนโกขนาดเล็กเพื่อขยายฐานลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น
เว็บไซต์ CNN Business รายงานว่า บริษัทแอมะซอน อีคอมเมิร์ซรายใหญ่สัญชาติอเมริกันภายใต้การนำของนายเจฟ เบซอส ซีอีโอของบริษัท ได้ทำการเปิดตัว 'แอมะซอน โก' ร้านค้าปลีกแบบไร้แคชเชียร์ของแอมะซอนมากถึง 7 สาขาภายในช่วงระยะเวลาเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อเปิดประสบการณ์การชอปปิงแบบใหม่ให้กับลูกค้าที่ไม่จำเป็นต้องต่อแถวเข้าคิวเพื่อรอจ่ายเงินที่แคชเชียร์อีกต่อไป โดยล่าสุดแอมะซอนนั้นต้องการที่จะบุกตลาดร้านค้าปลีกไร้แคชเชียร์ให้กว้างขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ด้วยรูปแบบใหม่
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แอมะซอนได้เปิดตัวร้านค้าแอมะซอนโกสาขาใหม่ในนครซีแอตเทิลของสหรัฐฯ ซึ่งสาขานี้เป็นแอมะซอนโกขนาดเล็กแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยภายในร้านจะมีขนาดเพียงแค่ 41.8 ตรม. เท่านั้น เล็กกว่าขนาดปกติของร้านแอมะซอนโกขนาดทั่วไปที่มักจะกินพื้นที่ราว 167 ถึง 185 ตารางเมตร ต่อ 1 สาขาเลยทีเดียว
ด้านรองประธานของแอมะซอนโกได้กล่าวกับผู้สื่อข่าว CNN ว่า นโยบายการขยายสาขาร้านค้าแอมะซอนโกขนาดเล็กเช่นนี้มีขึ้นเพื่อรองรับแผนการขยายแอมะซอนโกเข้าไปยังอาคารสำนักงาน ออฟฟิศขนาดเล็ก ล็อบบี้โรงแรม และล็อบบี้โรงพยาบาลในอนาคต ซึ่งร้านค้าไร้แคชเชียร์แอมะซอนโกจะตอบโจทย์อย่างมากกับวิถีชีวิตของคนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบายและความรวดเร็วในชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตาม รองประธานแอมะซอนโกยังไม่ได้มีการบอกรายละเอียดของแผนการขยายที่ชัดเจนมากนัก แต่คาดว่าสาขาถัดไปน่าจะเริ่มให้บริการได้เร็ว ๆ นี้ หลายฝ่ายคาดว่าการรุกตลาดร้านค้าปลีกไร้แคชเชียร์ขนาดเล็กเช่นนี้ยิ่งทำได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งจะดี เพราะนี่ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่แอมะซอนจะสามารถเอาชนะคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างสตาร์ตอัปรายย่อยมากมาย ที่ขณะนี้มีหลายบริษัทมากกำลังสร้างธุรกิจเทคโนโลยีแคชเชียร์อัจฉริยะเพื่อนำไปขายให้กับร้านค้าปลีกที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน
แอมะซอนโกขนาดเล็กที่ว่านี้เป็นร้านที่ไม่ได้เปิดให้บริการกับสาธารณะ เนื่องจากเป็นสาขาที่ทดลองเปิดให้บริการกับพนักงานของแอมะซอนในนครซีแอตเทิลเท่านั้น ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่ต่างจากการเปิดตัวแอมะซอนโกขนาดปกติครั้งแรกในปี 2016 เท่าใดนัก เพราะในขณะนั้นแอมะซอนโกสาขาแรกก็ได้เปิดให้กับเฉพาะพนักงานบริษัทได้ทดลองใช้งานก่อนเช่นกัน
ผู้สื่อข่าว CNN เล่าว่าขณะที่เข้าไปเยี่ยมชมโมเดลใหม่ของแอมะซอนโก ทุกอย่างยังคงถูกปิดกั้นไว้ให้อยู่ในม่านสีดำ แม้ทุกอย่างจะดูคล้ายแอมะซอนโกขนาดปกติอย่างมาก แต่ความจริงแล้วนั้นภายในร้านจะมีชั้นวางสินค้าเพียงไม่กี่แถวเท่านั้น ซึ่งสินค้าที่วางขายก็จะมีตั้งแต่ผลไม้พร้อมทาน อาหาร โยเกิร์ต ช็อคโกแลต ไปจนถึงน้ำดื่ม
แม้ว่าขนาดของร้านค้าแอมะซอนโกนั้นจะเล็กกว่าปกติมาก แต่เทคโนโลยีที่นำมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าไม่มีอะไรแตกต่างกัน โดยเมื่อลูกค้าดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นแอมะซอนโกแล้ว ลูกค้าสามารถสแกนบาร์โค้ดสินค้าเพื่อจ่ายเงินด้วยตัวเอง แต่ใช้ระบบการติดตั้งกล้องและเซนเซอร์ทั่วทั้งร้าน รวมถึงใช้ระบบอัลกอริธึมในการสอดส่องความเคลื่อนไหวของลูกค้าว่าหยิบสินค้าอะไรบ้าง และเมื่อลูกค้าเดินออกจากร้าน ระบบจะตัดเงินจากบัตรเครดิตที่ลูกค้าลงทะเบียนไว้โดยอัตโนมัติ แล้วจากนั้นระบบก็จะส่งใบเสร็จจ่ายเงินเข้าอีเมลโดยอัตโนมัติ
นอกจากนั้น แอมะซอนโกขนาดเล็กจะช่วยให้บริษัทแอมะซอนนั้นสามารถที่จะขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากใช้เวลาในการก่อสร้างและติดตั้งระบบต่าง ๆ รวดเร็วขึ้นมาก เนื่องจากปกติแล้วการสร้างแอมะซอนโกขนาดปกติสาขาหนึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่จะสามารถเปิดให้บริการได้จริง
การเปิดใช้งานแอมะซอนโกอย่างเป็นทางการและมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติธุรกิจค้าปลีกครั้งใหญ่อีกครั้ง เนื่องจากนี่คือการหลอมรวมกันระหว่างการใช้อีเพย์เมนต์และการชอปปิงแบบดั้งเดิมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อแอมะซอนโกสาขาแรกประสบความสำเร็จ จนมีการขยายสาขาต่อไปเรื่อย นี่จะกลายเป็นการนำเทรนด์ธุรกิจค้าปลีกแบบใหม่ ที่ร้านค้าไม่จำเป็นต้องมีพนักงานจำนวนมาก และลูกค้าใช้จ่ายแบบไร้เงินสดได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เสียเวลาแม้แต่การหยิบบัตรเครดิตหรือสแกนบาร์โค้ดจากสมาร์ตโฟน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในการต้องต่อคิวยาวในซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อจ่ายเงินได้ เพราะบรรดาธุรกิจค้าปลีกต่างทราบดีว่ายิ่งลูกค้าจ่ายเงินได้เร็วเท่าไหร่ ก็มีโอกาสจะกลับมาซื้อของที่ร้านนั้น ๆ อีกมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากแอมะซอนโกแล้ว บริษัทแอมะซอนยังบุกตลาดค้าปลีกอาหารสดและของชำ ด้วยบริการเดลิเวอรี Amazon Fresh ที่ปัจจุบันให้บริการในหลายเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ รวมถึงในกรุงโตเกียว เบอร์ลิน และลอนดอน ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าได้ทางออนไลน์ในเว็บไซต์ และมีบริการส่งหรือนัดรับสินค้าจากร้านด้วย แต่ดูเหมือนบริการนี้จะไม่ได้รับความนิยมนัก เนื่องจากแอมะซอนประกาศยกเลิกบริการในหลายเมืองเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ในปี 2017 แอมะซอนยังเพิ่งซื้อ Whole Foods เชนซูเปอร์มาร์เก็ตออร์แกนิกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้แวดวงธุรกิจจับตามองว่าแอมะซอนจะเอาจริงกับธุรกิจค้าปลีก แต่จนถึงขณะนี้แอมะซอนยังไม่ระบุว่าจะใช้นวัตกรรมแบบ Amazon Go ในซูเปอร์มาร์เก็ตของ Whole Foods หรือไม่