ไม่พบผลการค้นหา
The Toppick - 'แก่ก่อนรวย' เศรษฐกิจไทยพัฒนาไม่ทันสังคมสูงวัย - Short Clip
The Toppick - วงการ 'STEM' ไม่มีพื้นที่สำหรับเพศหญิง - Short Clip
The Toppick - 'เงินบาทแข็ง' กระทบการท่องเที่ยวไทย - Short Clip
The Toppick - อียูรับรอง 'สิทธิในการซ่อม' เครื่องใช้ไฟฟ้า - Short Clip
The Toppick - อีเมลหลอกลวงทำบริษัทสูญเงินหลายหมื่นล้าน - Short Clip
The Toppick - รัสเซีย ส่งหุ่นยนต์รูปร่างมนุษย์ตัวแรกขึ้นสู่อวกาศ - Short Clip
The Toppick - พิษสงครามการค้า ดึงกำไรอุตสาหกรรมจีนตกต่ำ - Short Clip
The Toppick - อินโดฯระบุพิกัดเมืองหลวงใหม่ กระจายความเจริญ-หนีเมืองจมน้ำ - Short Clip
The Toppick - 'ซาอุฯ' ลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 50% หลังถูกโดรนจู่โจม - Short Clip
The Toppick - กลุ่มธุรกิจโอดได้รับผลกระทบจากการประท้วงฮ่องกง - Short Clip
The Toppick - นักวิจัยสร้าง 'หุ่นยนต์หางมนุษย์' เพื่อผู้สูงอายุ - Short Clip
The Toppick - รู้จัก 'หอยโทริไก' ที่เกียวโต แหล่งเลี้ยงหนึ่งเดียวในญี่ปุ่น - Short Clip
The Toppick - ลาวเดินหน้าสร้างเขื่อนแห่งใหม่กั้นแม่น้ำโขง - Short Clip
The Toppick - อดีตกลุ่มติดอาวุธโคลอมเบียจัดแฟชั่นหนุนสันติภาพ - Short Clip
The Toppick - ​ธุรกิจโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงในจีนถูกวิจารณ์ 'ไร้ปรานี' - Short Clip
The Toppick - เกาหลีเมินญี่ปุ่น แห่เที่ยวไทย-ไต้หวัน-เวียดนาม หลังพิพาทการค้า - Short Clip
The Toppick - ผลสำรวจชี้ ชาวเวียดนามนิยมเที่ยวไทยในวันหยุดยาว - Short Clip
The Toppick - จีนตรึงอัตราแลกเปลี่ยน ลดกระแส 'สงครามค่าเงิน' - Short Clip
The Toppick - 'จีน' ออกประกาศห้ามประชาชนเที่ยวไต้หวันคนเดียว - Short Clip
The Toppick - หนี้เสียของจีน เพิ่มขึ้น 10% ภายในเวลา 6 เดือน - Short Clip
The Toppick - คนรวยในฮ่องกงลงทุนย้ายประเทศ หลังประท้วงรุนแรง - Short Clip
Oct 4, 2019 04:42

คนรวยในฮ่องกงหันไปลงทุนในอสังหาริมทรพย์ต่างประเทศกันมากขึ้น เพื่อให้ได้สัญชาติอื่นๆ หรือได้วีซ่าอยู่อาศัยในต่างประเทศได้ถาวร หลังจากที่สถานการณ์การประท้วงในฮ่องกงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

สำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานว่า สถานการณ์ความไม่สงบในฮ่องกงทำให้มีชาวฮ่องกงจำนวนมากมีความคิดว่าอยากจะย้ายประเทศ โดยเฉพาะคนรวยในฮ่องกง บางคนอาจไม่ได้ต้องการเปลี่ยนสัญชาติหรือย้ายออกจากฮ่องกงอย่างถาวร แต่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศต่างๆ ถือเป็นใบเบิกทางที่ดีสำหรับการข้อวีซ่าแบบพำนักถาวร หรือแม้แต่การขอสัญชาติในประเทศนั้นๆ

จอห์น ฮู ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาเรื่องการย้ายถิ่นฐานเปิดเผยว่า บ้านเรียกได้ว่าเป็น “วีซ่าทอง” หลายประเทศก็พยายามดึงดูดนักลงทุนชาวฮ่องกงที่ต้องการหาแผนสำรองในชีวิต ชาวฮ่องกงที่มีทุนทรัพย์มาพอสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ รับเงินค่าเช่า และยังมีทางเลือกว่าในอนาคตอาจย้ายไปอยู่อย่างถาวรได้

ปัจจุบัน มีอย่างน้อย 20 เขตการปกครองที่ให้สัญชาติหรือวีซ่าพำนักถาวรกับนักลงทุน แต่เงื่อนไขของแต่ละแห่งก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าจะซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้วก็จะได้พาสปอร์ตของประเทศนั้นทันที โดยประเทศที่ชาวฮ่องกงสนใจจะไปลงทุนมากที่สุดคือไอร์แลนด์และโปรตุเกส

ส่วนใหญ่คนที่จะได้รับสัญชาติจะต้องผ่านการทดสอบภาษาก่อน ยกเว้นไซทรัสและบัลแกเรียที่ไม่ต้องผ่านการสอบภาษา บางประเทศระบุว่าชาวต่างประเทศที่ต้องการขอสัญชาติจะต้องอาศัยอยู่ในบ้านที่ประเทศนั้นไม่ต่ำกว่าระยะที่กำหนด เช่น ไอร์แลนด์กำหนดว่าจะต้องอาศัยอยู่ที่นั่นอย่างน้อย 1 วันต่อปี เพื่อที่จะรักษาสถานะวีซ่าพำนักถาวร ส่วนอังกฤษกำหนดว่าจะต้องอาศัยอยู่ในอังกฤษมากกว่าร้อยละ 50 ในช่วง 5 ปีแรกก่อนจะยื่นเรื่องของพำนักถาวร ขณะที่สหรัฐฯ กำหนดว่าจะต้องอยู่นานกว่า 5 ปีก่อนจะยื่นขอสถานะพลเมือง และจะต้องไม่ออกจากสหรัฐฯเกิน 6 เดือนเพื่อรักษาสถานะนี้เอาไว้

อเล็กซานเดอร์ วอก์น ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทลูคัส ฟ็อกส์เปิดเผยว่า ชาวฮ่องกงอยากอยู่ในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เพราะสามารถเดินทางภายในยุโรปโดยไม่ต้องใช้วีซ่า และยังส่งลูกหลานเรียนในระบบการศึกษาของยุโรปได้

กรีซก็เป็นอีกประเทศที่ชาวฮ่องกงสนใจเพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ขั้นต่ำถูกว่าหลายประเทศอยู่ที่ 250,000 ยูโรเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีกำหนดว่าจะต้องอยู่ในประเทศนานเท่าไหร่เพื่อรักษาสถานะการพำนักถาวร แต่หากจะยื่นขอสัญชาติ คนั้นจะต้องอยู่ในกรีซเกิน 7 ปีและผ่านการทดสอบภาษาด้วย ในทางกลับกัน โปรตุเกสมีอุปสรรคด้านภาษาน้อยกว่า

แม้อังกฤษจะให้สถานะการพำนักถาวรและให้สัญชาติอังกฤษยากมาก มีกำหนดการลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 2 ล้านปอนด์แต่คนฮ่องกที่มีฐานะดีจำนวนมากก็ยังสนใจที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษกันจำนวนมาก แม้อังกฤษจะเผชิญวิกฤตเบร็กซิต แต่คนฮ่องกงมองว่าอังกฤษเป็นประเทศที่ยังน่าอยู่อาศัย ลงทุน และส่งลูกเรียน เพราะอังกฤษมีสถาบันการศึกษาที่ยอดเยี่ยมหลายแห่ง เป็นโอกาสที่ดีของลูกที่จะมีอนาคตที่ดี

จอร์จ ชมีล ซีอีโอ Juwai.com กล่าวว่า ชาวฮ่องกงพยายามขอ “วีซ่าทอง” กันจำนวนมากในช่วงนี้ โดยไตรมาสแรกของปีนี้มีชาวฮ่องกงขอ “วีซ่าทอง” ร้อยละ 5 ของผู้ขอทั้งหมด แล้วขึ้นมาเป็นร้อยละ 10 ในไตรมาสที่ 2 และมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย โดยช่วงครึ่งปีแรกของมีนี้มีเงินลงทุนจาก “วีซ่าทอง” อย่างน้อย 510 ล้านปอนด์


Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
184Article
76559Video
0Blog