ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ระบุ สมมติว่า พลเอกประยุทธ์ ไม่ควอลิฟายแล้วปรากฏว่า กกต.ก็บอกว่า วันหนึ่งก็ต้องถอดชื่อออก ไอ้ตรงนี้ก็จะไม่มีผลกระทบทางด้านการคลังเท่าไร ต่อให้สมมติว่า มันลามไปถึงขั้น ทำให้ต้องมีการยุบพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจะยุบหรือไม่ ไม่รู้พูดเป็นเรื่องสมมติเนี่ย มันก็ยังไม่ถึงขั้นมีผลกระทบในทางการคลังเท่าไร
แต่ว่าปัญหาคืออย่างนี้ครับ ที่ผมมานึกดูนี่ ผมคิดว่าถ้าเกิดกลายเป็นว่า การดำเนินการตรงนั้น มันเข้าข่ายผิดเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ มันอาจทำให้ พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในการลงนามมอบอำนาจให้กับพรรคไปเสนอชื่อตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี
ทีนี้พอนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญนี่ ผมก็เกรงว่า การดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินหลังจากนี้เป็นต้นไป มันก็จะมีคนยกขึ้นมาได้ว่า รัฐบาลท่านขาดความชอบธรรมไปแล้ว รัฐบาลท่านในเมื่อท่านปฏิบัติฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ สิ่งที่ท่านทำจากนี้ไป ไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม มันอาจจะมีการยกขึ้นมาต่อสู้ได้ว่าเป็นโมฆะหรือไม่ ?
ผมตั้งคำถามตรงนี้ ถ้ามันเกิดกลายเป็นว่า ต่อไปนี้ก็ยังมีการประชุมคณะรัฐมนตรี มีการตัดสินในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ ผมกังวลมากก็คือว่า มันอาจกระทบไปถึง ทุกกระทรวง สมมติว่ารัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งก็ไปอนุมัติให้มีการเซ็นสัญญาในการประมูลแข่งขันกัน แน่นอนผู้ที่แพ้นี่ ถ้าเกิดวันหนึ่งเขามีการหยิบยกขึ้นมาว่าท่านเซ็นสัญญานั้น ในระหว่างที่ท่านนายกรัฐมนตรีหัวหน้ารัฐบาลจริงแล้ว ผิด ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญไปแล้ว การเซ็นสัญญาเกิดโมฆะอะไรขึ้นมา
ผมเลยทำหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรีแจ้งให้ทราบถึงข้อห่วงใย ประเด็นนี้ เราก็ในฐานะอดีตรัฐมนตรีคลัง ถ้ามันเกิด มีการถกเถียงแล้วมีการต่อสู้กันขึ้นมาภายหลัง ไม่ใช่มันจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ขึ้นมาเพียงอย่างเดียว มันกระทบมาถึงฐานะทางการคลังได้หลายประการด้วยกัน ไอ้เนี่ยเป็น ข้อห่วงใยของผม
ชมคลิปเต็มรายการสุมหัวคิด : 'ทิศทางเศรษฐกิจไทย ในสภาวะอึมครึมทางการเมือง' ได้ที่ https://www.voicetv.co.th/watch/g2Kqp1UN1