'มหาเธร์' รื้อสัญญารถไฟจีนเจรจาใหม่ หวังผ่อนปรนเงื่อนไขเพื่อลดภาระหนี้ประเทศ คาดช่วยชาติประหยัดเงินได้ 1.6 ล้านล้านบาท พร้อมกับเล็งหาลู่ทางบอกเลิกข้อตกลงกับสิงคโปร์ในโครงการรถไฟความเร็วสูง
นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาเธร์ โมฮัมหมัด เปิดเผยกับ The Edge หนังสือพิมพ์แนวธุรกิจ เมื่อวันเสาร์ (26 พ.ค.61) ว่า มาเลเซียจะเจรจาขอแก้เงื่อนไขสัญญาเงินกู้กับธนาคาร ไชน่า เอ็กซิม แบงก์ ของจีน เพื่อลดภาระหนี้ภาครัฐ จากสัญญาโครงการเส้นทางรถไฟที่มาเลเซียร่วมมือกับจีน มีมูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 4.47 แสนล้านบาท
โดยโครงการนี้มีชื่อว่า ทางรถไฟสายชายฝั่งตะวันออก หรือ East Coast Rail Link โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ Belt and Road ของจีน ทั้งนี้ เส้นทางรถไฟดังกล่าวจะมีความยาว 688 กิโลเมตร เชื่อมโยงพรมแดนของประเทศไทยทางภาคตะวันออกของมาเลเซียเข้ากับเส้นทางเดินเรือในช่องแคบมะละกาทางฝั่งตะวันตก ขณะนี้ อยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยบริษัทของจีน ชื่อ China Communications Construction
มหาเธร์ กล่าวว่า 'เราจะเจรจาเงื่อนไขใหม่ เงื่อนไขในสัญญาฉบับนี้สร้างภาระแก่เศรษฐกิจของเราเป็นอย่างมาก อดีตนายกฯนาจิบ ราซัก รู้ดีว่า เราทำโครงการแบบนี้ไม่ไหว ทำแล้วไม่ได้อะไร เราจะไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ กลับคืนมา เวลานี้ ประเทศมีหนี้สาธารณะสูงถึงกว่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 8 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 80 % ของจีดีพี
มหาเธร์ บอกอีกว่า 'ถ้าเจรจาเงื่อนไขใหม่สำเร็จ มาเลเซียจะลดหนี้ได้กว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 1.6 ล้านล้านบาท และรัฐบาลของเขาจะหาทางลดค่าชดเชยในกรณีบอกเลิกสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ทำกับสิงคโปร์
ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูง กัวลาลัมเปอร์-สิงคโปร์ มีมูลค่าประมาณ 17,000 ล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 5.42 แสนล้านบาท และ เงื่อนไขในสัญญาเขียนไว้ว่า 'ถ้าเรายกเลิกโครงการนี้ เราต้องจ่ายค่าชดเชยสูงมาก ดังนั้น เราจะดูว่าพอมีช่องทางที่จะลดค่าชดเชยในกรณีผิดสัญญาหรือไม่?'