การแข่งขันทำธุรกิจไม่ได้อยู่ที่พัฒนาสินค้าและบริการเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงมาตรการอื่น ๆ ที่บริษัทเลือกที่จะทำหรือไม่ทำด้วย เช่นในตอนนี้ที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่หันมาแข่งกันวางมาตรการ 'รักษ์โลก' อย่างที่ล่าสุด แอมะซอนออกมาประกาศลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และรีไซเคิล
การแข่งขันทำธุรกิจไม่ได้อยู่ที่พัฒนาสินค้าและบริการเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงมาตรการอื่น ๆ ที่บริษัทเลือกที่จะทำหรือไม่ทำด้วย เช่นในตอนนี้ที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่หันมาแข่งกันออกมาตรการ 'รักษ์โลก' หรือก็คือ ลดการปล่อยมลพิษหรือแก๊สเรือนกระจกลง อย่างล่าสุด แอมะซอนออกมาประกาศลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และรีไซเคิล
แอมะซอน บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่สัญชาติอเมริกัน ประกาศลงทุนใน 2 โครงการใหม่ ตั้งเป้าลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยลงทุน 10 ล้านดอลลาร์ หรือ 330 ล้านบาท ในโครงการ Closed Loop Fund โครงการที่บริษัทเอกชนร่วมทุนเพื่อพัฒนาระบบรีไซเคิลในเขตปกครองท้องถิ่นทั่วสหรัฐฯ และอีกโครงการหนึ่ง แอมะซอนจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 20 เมกะวัตต์ ให้กับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ แอมะซอนยังลงนามปฏิญาณว่า บริษัทจะซื้อเครดิตพลังงานสะอาดให้มากพอจะครอบคลุม 100 เปอร์เซ็นต์ของอาคารในสหราชอาณาจักรด้วย
เท่ากับว่า แอมะซอนจะมุ่งสนับสนุนโครงการรีไซเคิลภายในประเทศ ในฐานะที่เป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโซนอเมริกาเหนือ และมีการขนส่งกล่องกระดาษขนาดต่าง ๆ ไปทั่วประเทศทุกวัน ซึ่งการร่วมโครงการ Closed Loop Fund จะทำให้เกิดการกระจายเงินทุนไปยังโครงสร้างพื้นฐานด้านการรีไซเคิลในแต่ละเมืองได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ แอมะซอนได้ระบุในการแถลงล่าสุดด้วยว่า สถิติปัจจุบันชี้ว่า ครึ่งหนึ่งของชาวอเมริกันยังไม่เข้าถึงบริการเก็บขยะรีไซเคิล ทำให้กล่องกระดาษและวัสดุเหลือใช้ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้จำนวนมาก ถูกทิ้งรวมกับขยะอื่น ๆ และมารวมอยู่ในบ่อพักขยะในขั้นตอนสุดท้าย
เดฟ คลาก รองประธานอาวุโสที่ดูแลด้านกิจการสิ่งแวดล้อมทั่วโลกของแอมะวอน กล่าวว่า บริษัทลงทุนใน Closed Loop Fund เพราะคิดว่าการเข้าถึงกระบวนการรีไซเคิลเบื้องต้น เป็นปัจจยพื้นฐานที่จ��ช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมไปถึง เอเนอร์จีฟุตพรินต์ และวอเตอร์ฟุตพรินต์ ได้ในระยะยาว
สำหรับในกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นฮับส่งสินค้าของแอมะซอนในยุโรป ก็เตรียมติดตั้งระบบแผงโซลาร์เซลล์ในช่วง 18 เดือนข้างหน้า เพื่อผลิตพลังงานให้ได้ เทียบเท่ากับพลังงานสำหรับ 4,500 ครัวเรือน ซึ่งเบื้องต้นจะสามารถลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ราว 6,000 เมตริกตันต่อปี
แม้จะออกมาประกาศโครงการสำคัญครั้งใหญ่เช่นนี้ แต่บริษัทขนาดใหญ่อย่างแอมะซอนก็ยังถือว่าล้าหลังกว่าบริษัทไอทีอื่น ๆ ทั้ง แอปเปิล กูเกิล เฟซบุ๊ก และไมโครซอฟท์อยู่มาก เพราะในกลุ่ม Big Five นี้ อีก 4 บริษัทที่นอกเหนือจากแอมะซอน ได้ลงทุนในโครงการพลังงานสะอาดมาแล้วตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้บริษัทสามารถใช้พลังงานสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์ให้ได้เร็วที่สุด
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แอปเปิลและกูเกิลต่างก็ทำสำเร็จแล้ว ขณะที่ เฟซบุ๊กก็จะเป็นบริษัทพลังงานสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์ได้ในปี 2020 ส่วนไมโครซอฟท์นั้น เป็นบริษัท carbon neutral ที่ไม่ปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศมาแล้วหลายปี และหลังจากนี้ต้องจับตาดู ซัมซุงและโซนี่ ซึ่งนับวันก็จะลงทุนในด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาดมากขึ้นเรื่อย ๆ
กลับมาดูที่ แอมะซอน ที่กำลังเร่งเครื่องด้านมาตรการรักษ์โลกอยู่ในขณะนี้ เคยถูกตำหนิจากองค์กรกรีนพีซมาแล้วว่าไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลด้านการใช้พลังงานต่อสาธารณะ และให้ความสำคัญกับการขยายศูนย์ข้อมูลมากกว่าการจัดการกับคาร์บอนฟุตพรินต์
อย่างไรก็ตาม การออกมาตรการของแอมะซอน และความล่าช้ากว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะการทำธุรกิจด้านชิปปิง ลอจิสติกส์ และค้าปลีก เป็นสิ่งที่แตกต่างจากการผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ การทำเสิร์จเอนจิน หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพียงอย่างเดียว จึงเจอกับข้อจำกัดและอุปสรรคด้านการลดมลพิษมากกว่า
ปัจจุบัน บริษัทภายใต้แอมะซอนที่ประกาศจะใช้พลังงานสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์ มีเพียงส่วนที่เป็น AWS คลาวด์คอมพิวเตอร์เท่านั้น และจากข้อมูลเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ก็ระบุว่ายังทำได้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหลายฝ่ายก็คาดหวังให้แอมะซอนประกาศเป้าหมายเดียวกันกับทุกแผนก