รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 20 สิงหาคม 2563
กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัว นายเดชาธร บำรุงเมือง หรือ ฮอคกี้ เจ้าของเพลง ประเทศกูมี หน้าบ้านพัก จากกรณีร่วมชุมนุมกับม็อบประชาชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย พร้อมนายประภูศักดิ์ จินตะเวช, นางกิตติ์ธัญญา วาจาดี และนายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ส.ส.อุบลราชธานี ไปที่ สน.สำราญราษฎร์ และตามไปที่ศาลอาญา เพื่อขอใช้ตำแหน่งส.ส. ประกันตัว
ด้านพรรคก้าวไกล มีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ร่วมยื่นตำแหน่งขอประกันตัว ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค โพสต์ข้อความ ระบุว่า คุณฮอคกี้ RAD ถูกจับในขณะที่อยู่กับภรรยาและลูกเมื่อเช้านี้ เป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้อย่างยิ่งโดยเฉพาะในฐานะพ่อคนหนึ่ง รัฐพูดว่ายอมรับฟังแต่กำลังไล่จับเยาวชนรวมถึงศิลปินที่ไปเข้าร่วม นิติรัฐบิดเบี้ยว คุณประยุทธ์พอเถอะครับ คุณกำลังทำให้ทุกอย่างแย่ลง #ประเทศกูมี #หยุดคุกคามประชาชน
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ระบุว่า “การจับเขาต่อหน้าลูก” เข้าใจว่า พยายามจะสร้างภาพ “เชือดไก่ให้ลิงดู” และคงจะจับไปเรื่อยๆ เพื่อให้ความกลัว กดให้ประชาชนยอมจำนนไปเอง โดยไม่คิดเลยว่าจะยิ่งเป็นการสุมความคับแค้นในใจของประชาชนให้เพิ่มมากขึ้น คุณประยุทธ์จะกดแบบนี้ ไปได้จนถึงเมื่อไหร่
ขณะที่นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ อดีตผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดกาฬสินธุ์ พรรคอนาคตใหม่ เดินทางมาหน้าทำเนียบรัฐบาล ขอพบเจ้าหน้าที่ เพื่อสื่อสารไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้มีการปฏิบัติกับแกนนำผู้ชุมนุมที่ถูกหมายเรียกและหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่ต้องไปไล่ตามจับข้างนอก และหากผู้ที่ถูกหมายเรียก และหมายจับไปแสดงตัวที่ สน.พื้นที่ที่กระทำความผิดแล้ว ก็ขอให้ดำเนินการ เพราะการไปจับที่บ้าน หรือระหว่างเดินทาง อาจทำให้มีข้อครหา หากหายตัวไป ก็จะกลายเป็นประเด็น
นายปิยรัฐ ยืนยัน มาร้องเรียนในฐานะประชาชน ไม่ใช่แกนนำ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ชุมนุมกลุ่มใดๆ ซึ่งส่วนตัวก็ถูกออกหมายเรียก ในฐานะพยาน ดังนั้น เพื่อความโปร่งใสในการดำเนินคดี ควรทำตามขั้นตอน
หลังจากนั้น นายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาเจรจาขอให้นายปิยรัฐไปหารือ ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล จากนั้น พ.ต.อ.สุรพงศ์ ธรรมพิทักษ์ รองผู้กำกับการตำรวจนครบาล 1 ร่วมเจรจาให้นายปิยรัฐ ไปที่ สน.สำราญราษฎร์
ส่วนการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งช่วงเช้าเป็นการพิจารณางบประมาณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และผู้บริหารระดับสูงมาชี้แจง
กรรมาธิการฯ หลายพรรค ได้ซักถามถึงการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษาทั่วประเทศในขณะนี้ โดยนายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายปกรวุฒิ อุดมพิพัฒน์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ตั้งคำถามและมีข้อสังเกตในประเด็นที่ตำรวจมีการจับกุม ข่มขู่ คุกคามนักเรียน นักศึกษาและประชาชน และถามถึงประเด็นการตัดสัญญาณโทรศัพท์ในสถานที่ชุมนุม
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชี้แจงว่า ได้กำชับกับตำรวจว่า อย่าสร้างเงื่อนไข ตำรวจต้องวางตัวเป็นกลาง เลือกข้างไม่ได้ อีกทั้งปัจจุบันโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว มีกล้องในพื้นที่ชุมนุมเต็มไปหมด ตำรวจทำอะไรต้องระมัดระวัง ส่วนเรื่องการตัดสัญญาณในที่ชุมนุม ที่มีคนอยู่ กว่า 1.2 หมื่นกว่าคนมาอยู่รวมกัน ยังไงก็ต้องมีติดต่อไม่ได้บ้าง / เราไม่มีเจตนาเอาสัญญาณมารบกวนแต่อย่างใด ตำรวจเองก็ใช้ไม่ได้ด้วย
ซึ่งก่อนที่จะมีคนมาชุมนุม ตำรวจได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยเป็น “ดินเทา” ซึ่งดินเทาเป็นดินที่เป็นสารตั้งต้นจุดระเบิดได้ ซึ่งตามจุดยุทธวิธีแล้วเมื่อเราพบจุดบอกเหตุ เราต้องเตรียมตัวและเจตนาของตำรวจคือดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกคน อย่าไปสันนิษฐานในทางไม่ดีตำรวจไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น ตนไม่ใช่เป็นคู่ขัดแย้ง แม้แต่เหตุการณ์ที่มี มีนักศึกษามากระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนก็บอกลูกน้องว่าให้อดทน และก็ขอให้ผู้ชุมนุมเชื่อฟังคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย และในส่วนของมาตรา 116 พ.ร.บ.ความสะอาดฯ ตนจะรับข้อสังเกตไปดำเนินการแก้ไข พร้อมขอให้กรรมาธิการพิจารณาไม่ตัดงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
“ผมได้กำชับรอง ผบ.ตร.ดูแลในเรื่องข้อกฎหมาย ตำรวจไม่ได้อยากทำ ท่านไม่เป็นผมท่านไม่รู้หรอกผมมี มาตรา 157 ค้ำคอ ไม่ทำก็ไม่ได้ ท่านจะประท้วงที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ไปเลย แต่ท่านเลือกชุมนุมตามยุทธศาสตร์อย่างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”
