ไม่พบผลการค้นหา
ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด อดีต ผอ. โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยกับพวก รวม 3 คน รับแป๊ะเจี๊ยะ ในการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก ป.ป.ช.แถลงข่าวประเด็นการทุจริตของเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดย ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายวิโรต สำรวล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยกับพวกทุจริตเงินบริจาคผู้ปกครอง หรือ "แป๊ะเจี๊ยะ" ในการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ

โดยมีมูลความผิด คือ 1. นายวิโรต และนายภูสิทธิ์ ประยูรอนุเทพ รองผู้อำนวยการโรงเรียน กรณีรับเงินบริจาคโดยไม่ออกใบเสร็จ และเบียดบังเป็นของตัวเองหรือผู้อื่นโดยทุจริตแล้วข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงินออกใบเสร็จรับเงินและนำเงินส่งคืนภายหลังเพื่อปกปิดการกระทำความผิดมีมูลความผิด ทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 148, 157 และมาตรา 162 ประกอบอีกหลายมาตรา และความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 รวมถึงมีความผิดทางวินัยร้ายแรง ตามมาตรา 84 และฐานกระทำการอื่นใด ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามมาตรา 94 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาปี 2547 ด้วย

2. นายพระเจิม โชติพงศ์กุล ครูชำนาญการพิเศษ หัวหน้างานรับนักเรียน โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กรณีร่วมกันข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงินออกใบเสร็จรับเงิน มีความ ผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148, 157 และมาตรา 162 ประกอบอีกหลายมาตราและตาม พ.ร.บ ว่าด้วย ป.ป.ช.ปี 2542 รวมถึงผิดวินัยอย่างร้ายแรง และฐานกระทำการอื่นใดได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามมาตรา 94 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาปี 2547 ด้วยเช่นกัน

โดย ป.ป.ช.ได้รับเรื่องจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2560 กรณีกล่าวหานายวิโรจน์ กับพวก ว่าทุจริตเงินผู้ปกครองนักเรียนจำนวน 2 ราย เพื่อแลกกับการเข้าเรียนของบุตรหลาน จึงได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน ข้อเท็จจริง ซึ่งพบว่า ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยออกประกาศเรื่อง รับนักเรียนประเภทเงื่อนไขพิเศษ โดยพิจารณา 4 ข้อคือ 1.​ ข้อตกลงในการจัดตั้งโรงเรียน 2. บุตรข้าราชการครูและบุคลากรปัจจุบันของโรงเรียน และโรงเรียนอนุบาลใต้สังกัด 3. ​นักเรียนในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ต่อโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง และ 4.​ นักเรียนโควตาตามข้อตกลงโรงเรียนคู่พัฒนาหรือโรงเรียนเครือข่าย มีนักเรียนประเภทเงื่อนไขพิเศษ เข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 60 ราย

จากนั้นผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 6 รายนำเงินมาบริจาคกับโรงเรียน โดยนายวิโรจน์ เมื่อครั่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการและนายภูษิต รองผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ร่วมกันรับเงินบริจาค รวมทั้งสิ้น 1,440,000 บาท แล้วนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ก่อนที่จะมีสื่อมวลชนบางสำนักได้เสนอข่าว การเรียกรับเงินบริจาค จากผู้ปกครองนักเรียนรายหนึ่งจำนวน 400,000 บาท เพื่อให้บุตรได้มีโอกาสเข้าเรียนโดยมีคลิปวีดีโอประกอบ

ซึ่งวันที่ 20 มิ.ย. 2560 นายวิโรจน์ ได้แถลงข่าวยอมรับว่าเป็นบุคคลในคลิป แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินดังกล่าว แล้วภายในวันเดียวกัน นายวิโรจน์นายภูษิตและนายประเจิน ครูชำนาญการพิเศษ ได้ร่วมกันสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินของโรงเรียนออกใบเสร็จ ลงวันที่ย้อนหลัง แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถออกใบเสร็จ ให้ตามที่ต้องการได้ บุคคลทั้ง 3 จึงร่วมกันสั่งให้เจ้าหน้าที่การเงิน ออกใบเสร็จรับเงินลงวันถัดมาคือ 21 มิ.ย. 2560 และนำเงินสดบางส่วนฝากธนาคารกรุงไทย โดยมีเจตนาเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน

เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวด้วยว่า จากกรณีรับเงินแป๊ะเจี๊ยะ นั้น ทาง ป.ป.ช เห็นควรให้วางมาตรการเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบมาตรการป้องกันแล้ว คือ ให้ สพฐ.พิจารณายกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ ซึ่งมีอยู่เดิม 7 ข้อ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ได้เคยออกประกาศ เรื่องนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนสังกัด สพฐ. ปี 2560 ลงวันที่ 16 ก.ย. 2559 โดยเห็นว่า การยกเลิกหลักเกณฑ์รับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษนี้ จะเป็นมาตรการที่ป้องกันการรับเงินแป๊ะเจี๊ยะได้

Photo by Hannah Dickens on Unsplash

ข่าวที่เกี่ยวข้อง