สำนักข่าววอยซ์ ออฟ อเมริกา (VOA) ภาคภาษาไทย รายงานว่า เมื่อ 27 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตันดี.ซี. พันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐเชื้อสายไทย ได้เปิดเผยในตอนหนึ่งของการสัมนาทางออนไลน์ภายใต้หัวข้อ "U.S. and Thailand Perspectives on Geostrategic Landscape and Regional Architecture" ซึ่งจัดโดยสถาบัน East-West Center ในกรุงวอชิงตันร่วมสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน โดยสว.ลัดดาระบุว่า รัฐบาล สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนจะบริจาควัคซีนต้านโควิดโควิด-19 ให้ไทยทั้งสิ้น 2.5 ล้านโดส โดยจัดส่งชุดแรกให้เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านโดส อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการบริจาควัคซีนที่รัฐบาลสหรัฐฯ มอบให้กับหลายประเทศทั่วโลก
สว.ลัดดากล่าวว่า “เราตระหนักดีว่าโรคระบาดไม่จำกัดพรมแดน หากเกิดเหตุฉุกเฉินทางสาธารณสุขในภูมิภาคหนึ่งจะไม่มีภูมิภาคใดที่ปลอดภัย ดิฉันทราบถึงประกาศล่าสุดที่เราส่งวัคซีนโควิดไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านโดส (ให้แก่ไทย) ซึ่งที่จริงแล้วจะมีทั้งสิ้น 2.5 ล้านโดส แต่การจัดส่งชุดแรกมีวัคซีน 1.5 ล้านโดส”
ก่อนหน้านี้ เมื่อ 22 กรกฎาคม วุฒิสมาชิกแทมมี่ เคยแสดงความยินดีที่สหรัฐฯ จะบริจาควัคซีนในล็อตแรกแก่ไทย โดยเธอระบุในแถลงการณ์ว่า
“ดิฉันรู้สึกยินดีที่จะประกาศวันนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีความมุ่งมั่นเพื่อส่งมอบวัคซีนอย่างน้อย 1.5 ล้านชุดให้ประเทศไทย เพื่อช่วยให้ประชาชนชาวไทยเอาชนะปัญหาโควิด-19 ขณะที่การระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตากำลังเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก โดยการบริจาควัคซีนของสหรัฐฯ ซึ่งมีประสิทธิผลสูงนี้ไม่มีเงื่อนไขข้อจำกัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่มีขึ้นด้วยความเข้าใจว่าจะไม่มีประเทศใดที่ปลอดภัยจากโควิด-19 ได้อย่างสมบูรณ์จนกว่าทุกประเทศจะปลอดภัย"
อนึ่ง เมื่อ 20 กรกฎาคม เฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยได้โพสต์ข้อความว่า สหรัฐฯ จะบริจาควัคซีนโควิดไฟเซอร์จำนวน 1.5 ล้านโดส มูลค่า 30 ล้านเหรียญให้กับไทย การบริจาคครั้งนี้ รวมถึงวัคซีนหลายล้านโดสที่สหรัฐฯ มอบให้กับประเทศเพื่อนบ้านของไทย จะช่วยให้ไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อให้พลเมืองของตนปลอดภัย ตลอดจนฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับกรณีวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกจำนวน 1.54 ล้านโดส ที่สหรัฐฯบริจาคให้ไทยและมีกำหนดมาถึงในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ กำลังเป็นที่ถูกจับตาจากสาธารณชนสังคมไทยหลายส่วน ว่าหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลไทยจะจัดสรรวัคซีนล็อตดังกล่าวอย่างไร บุคคลกทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องจะเข้าถึงวัคซีนล็อตดังกล่าวได้มากน้อยเพียงใด