แมคคอนิกัลถูกจับกุมตัวพร้อมกันกับอดีตนักการทูตรัสเซีย เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (21 ม.ค.) โดยทั้งคู่ถูกตั้งข้อกล่าวหาการฟอกเงิน และข้อหาการสมรู้ร่วมคิด แมคคอนิกัลยังเผชิญหน้าอยู่กับข้อกล่าวหาที่ว่า เขาได้รับเงิน 225,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7.38 ล้านบาท) จากตัวแทนต่างชาติ ขณะเขาทำงานอยู่ในเอฟบีไอ
แมคคอนิกัลยังเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของเอฟบีไอระดับสูงที่สุด ที่เคยถูกจับกุมตัวและตั้งข้อกล่าวหาทางอาญา โดยเขาถูกจับกุมตัวบริเวณสบามบินนานาชาติเจเอฟเคในนิวยอกร์ก หลังจากการเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวในต่างประเทศ โดยเมื่อวานนี้ (23 ม.ค.) แมคคอนิกัลถูกนำตัวขึ้นศาลในแมนฮัตตัน และเขายังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
จากรายงานของอัยการรัฐบาลกางสหรัฐฯ แมคคอนิกัลในวัย 54 ปี ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยตอบโต้ข่าวกรองของเอฟบีไอในนิวยอร์ก ก่อนที่จะเกษียณราชการในปี 2561 และ เซอร์เก เชสตาคอฟ นักการทูตรัสเซีย ถูกตั้งข้อหาจากการละเมิดการคว่ำบาตรสหรัฐฯ โดยการตกลงจะให้ความช่วยเหลือแก่ โอเล็ก เดริปาสกา มหาเศรษฐกีทรงอำนาจรัสเซีย
เดริปาสกาในวัย 55 ปี เคยเป็นอดีตชายที่ร่ำรวยที่สุดในรัสเซีย และประธานบริษัทด้านพลังงานอย่าง En+ Group และ United Company Rusal บริษัทอลูมิเนียมใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก ก่อนที่เขาจะออกจากบริษัททั้งสองในปี 2561 ทั้งนี้ เขาถูกสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรในปีเดียวกัน ภายใต้ข้อกกล่าวหาว่าเขาและมหาเศรษฐีทรงอำนาจคนอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ของรัสเซียก่อ “กิจกรรมอันมุ่งร้ายต่อทั่วโลก”
เดเมียน วิลเลียมส์ อัยการสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ว่า แมคคอนิกัล และ เชสตาคอฟ “ทั้งคู่เคยทำงานร่วมกับเดริปาสกา เพื่อพยายามยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของเขา ในฐานะข้าราชการ พวกเขาควรจะรู้ดีกว่านี้” ทั้งนี้ อัยการเชื่อว่าชายทั้งสองตกลงที่จะสอบสวนเศรษฐีทรงอำนาจที่เป็นคู่แข่งกันกับเดริปาสกา และให้ถอดชื่อเดริปาสกาออกจากรายชื่อบุคคลที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรแทน
ชายทั้งสองและเพื่อนร่วมงานของเดริปาสกา กำลังถูกกล่าวหาว่า “ใช้บริษัทเชลล์เป็นคู่สัญญาในสัญญาที่ระบุบริการที่มีกำหนดจะดำเนินการ โดยใช้ลายเซ็นปลอมในสัญญานั้น และใช้บริษัทเชลล์เดียวกันนี้ ในการส่งและรับเงินจากเดริปาสกา” อัยการกล่าว
แมคคอนิกัลถูกตั้งข้อหาอีกว่าเขารับเงินสดในขณะที่ยังทำหน้าที่ในเอฟบีไอ “จากบุคคลที่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจในยุโรป และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ” ทั้งนี้ อัยการไม่ได้ระบุชื่อบุคคลดังกล่าว แต่อธิบายว่าบุคคลดังกล่าวเป็นอดีต “เจ้าหน้าที่ความมั่นคงต่างประเทศและนักธุรกิจ” ที่มีผลประโยชน์จากต่างประเทศ
แมคคอนิกัลและเชสตาคอฟ ต้องเผชิญกับข้อหาเกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตรและการฟอกเงิน 4 ข้อหา ซึ่งแต่ละข้อหามีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี นอกจากนี้ เชสตาคอฟยังถูกตั้งข้อหาว่าเขาให้การเท็จ ซึ่งมีโทษจำคุกอีก 5 ปี โดยในข้อหาที่แยกออกมา แมคคอนิกัลถูกตั้งข้อหาแจ้งความเท็จ 6 กระทง แต่ละกระทงมีโทษ 5 ปี เช่นเดียวกับการปลอมบันทึกและเอกสารอีก 2 กระทง ซึ่งแต่ละกระทงมีโทษสูงสุด 20 ปี
ที่มา: