วันที่ 8 ส.ค. 2565 ที่อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เดินทางมายื่นเอกสารต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ให้มีการไต่สวนกรณีพรรคใหญ่ ครอบงำพรรคเล็กกลุ่ม 16 โดยมีการรับเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อแลกกับการลงมติไว้วางใจ ในการประชุมสภาฯ เพื่อลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่พรรคเล็กรับเงิน และถูกครอบงำ ซึ่งถ้าเราติดตามข่าวสารบ้านเมือง โดยเฉพาะเรื่องการเมืองมาโดยตลอด จะเห็นว่า พรรคการเมืองหลายๆ พรรค โดยเฉพาะพรรคใหญ่ที่พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประโยชน์ของตัวเอง อย่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่เพื่อไทยยันมาตลอดว่าจะเอาการ 100 ส่วนพลังประชารัฐ ก็เสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาแล้วว่าเอาหาร 100 แต่กลับพลิกไปมาเมื่อเข้าสภาฯ ขณะที่พรรคเสรีรวมไทยนั้นเป็นพรรคเล็ก ยกมือแพ้เขาตลอด แต่ก็ยันยันอยู่เสมอว่า ทำอะไรให้คิดถึงพี่น้องประชาชน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้มันชักกะเย่อไปมา ถ้าอยากจะได้ 100 ก็เอาวาระสอง ผ่านไปก่อน แล้ววาระที่สามค่อยไปเปลี่ยน ก็ยังเป็นไปตามครรลอง แต่แบบนี้มันทำให้ประชาชนสับสน เกิดความเสียหาย และอย่างที่มาวันนี้คือ บรรดาพรรคเล็กๆ ชอบกินกล้วย จะต้องไปซบพรรคใหญ่คือ พรรคพลังประชารัฐ ยอมเป็นทาสเขา ปล่อยให้เขาครอบงำ แล้วตัวเองยินยอมให้เขาครอบงำ โดยไปรับเงินเดือนรายเดือนจากเขา เช่น พลังธรรมใหม่ พรรคพลังไทยรักไทย ฯลฯ โดยไปพบปะกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสริมอีกว่า พวกที่ถูกปล่อยหลักฐานก็โมโห ออกมาปฏิเสธว่า เป็นเรื่องเงินกู้ แต่ใครจะเชื่อว่าเงินกู้ เพราะตามกฎหมายหากกู้ตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป ต้องทำสัญญา และตนก็มีหลักฐานจากหัวหน้าพรรคบางพรรคที่ออกมายอมรับว่ารับเงินจริงๆ ซึ่งผิดตามมาตรา 28 โทษถึงยุบพรรค แต่พรรคที่ไปครอบงำคือ พลังประชารัฐต้องโทษหนักกว่า ทั้งหัวหน้าพรรค กรรมการผู้บริหารพรรค โดยมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 5 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 - 500,000 บาท และผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่กรรมการบริหารพรรค แต่ยังมีพี่น้องประชาชน แทนที่จะได้ผู้แทนฯ ที่ดีที่มีคุณภาพ กลับได้ผู้แทนฯ ที่ต้องการผลประโยชน์
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า ว่ากันตรงๆ ตามพยานหลักฐาน ไม่เอาพลังอำนาจจากไหนมาบีบ กกต. การกระทำมีความผิด ทั้งผู้ให้ และผู้รับ ซึ่งมันเป็นเรื่องง่ายไม่ยากเลย และได้มีการให้ วีระ สมความคิด ประธานยุทธศาสตร์การทำงานพรรคเสรีรวมไทยไปยื่นฟ้องต่อ ป.ป.ช. ในเรื่องของการรับเงินเกิน 3,000 บาท ส่วนเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ตนเป็นคนสอบเอง และรอการสรุป
"การเลือกตั้งทั้งประเทศมันซื้อเสียงกันทั้งนั้น ถึงได้ผู้แทนฯ ที่ไม่ดี แสวงหาผลประโยชน์ แต่ถ้าใครเลือกตั้งโดยไม่ซื้อเสียงแบบเสรีรวมไทย ยืนยันว่าไม่ทุจริตแน่นอน เพราะเราตรงไปตรงมา" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
ด้าน สมชัย ศรีสุทธิยากร กล่าวว่า เราต้องการให้กฎหมายที่เป็นอยู่มันศักดิ์สิทธิ์เพื่อป้องกัน บุคคลภายนอกครอบงำพรรคการเมือง ต้องการให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างอิสระไม่ใช่อยู่ภายใต้อาณัติของใคร
สมชัย กล่าวอีกว่า เคยมีคดีการเลือกตั้งเมื่อ 2 ก.พ. 2549 เหตุการณ์ที่พรรคใหญ่ครอบงำพรรคเล็ก ให้พรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อหนีปัญหาการได้คะแนนเสียงไม่ถึง 20% มีการฟ้องร้อง กกต. และพรรคการเมืองที่กระทำการดังกล่าว ผลที่เกิดคือ กกต. เองโดนข้อหาว่า สนับสนุนให้พรรคใหญ่ครอบงำพรรคเล็ก โดยหลักฐานบอกว่า กกต. ร่นระยะเวลาการับสมัครให้เร็ว และ กกต.อนุญาตให้ผู้สมัครพรรคเล็กย้ายพรรคได้ นั่นคือ วางตัวไม่เป็นกลาง และ กกต.ติดคุก พรรคใหญ่ถูกยุบพรรค ดังนั้นหลักฐานคราวนี้ หนักกว่าคราวนั้นแน่นอน
สมชัย เสริมอีกว่า หากเปรียบการคดีก่อนๆ กกต. สามารถดำเนินการได้เสร็จภายใน 1 เดือน และกกต. ต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน หวังว่า สิ่งที่ยื่นในวันนี้จะเป็นหลักฐานให้กกต. ทำงานอย่างตรงไปตรงมา และควรสื่อสารกับประชาชนว่า ความคืบหน้าเป็นอย่างไร เพราะ คะแนนความโปร่งใสของ กกต. น้อยมาก เป็นการกู้คืนศักดิ์ศรีของ กกต. วันนี้อาจจะมีคนที่ช่วยเหลือท่านอยู่ แต่วันหน้าเรื่องนี้ยังถูกรื้อฟื้อ และตนไม่ปราถนาจะเห็นคนของ กกต. เป็นคดีความ หรือติดคุกตอนแก่ๆ
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาปรามาสว่าเรื่องนี้อาจจะรอดเหมือนกรณี แหวนแม่นาฬิกาเพื่อน โดย สมชัย ตอบว่า ไม่จำเป็นต้องวิจารณ์ความเห็นใคร แต่ท่านต้องเตรียมตัวให้การกับ กกต. แล้วกันว่าเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในการเข้ายื่นหลักฐานในครั้งนี้ ได้มี วรัญชัย โชคชนะ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เดินทางมายื่นกล้วย 1 หวี และงูปลอมให้แก่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ในการเอาผิดผู้รับ และแจกกล้วยอีกด้วย