องค์การอนามัยโลกระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ (22 พ.ย.) ว่าทางองค์กรได้ร่างหนังสือ “คำขออย่างเป็นทางการสำหรับข้อมูลโดยละเอียด เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของการล้มป่วยด้วยโรคทางระบบทางเดินหายใจ และรายงานกลุ่มของโรคปอดบวมในเด็ก”
ก่อนหน้านี้ จีนประสบกับจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตามมาด้วยการใช้มาตรการที่เข้มงวดของทางการจีน อันเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์ เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนถูกยกเลิกลงอย่างกะทันหันในเดือน ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา
องค์การอนามัยโลกตั้งข้อสังเกตว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนกล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า อุบัติการณ์ของโรคระบบทางเดินหายใจที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการยกเลิกมาตรการโควิด-19 และการแพร่กระจายของอัตราการป่วยไม่เพียงแต่เกิดขึ้นจากเชื้อโรคโควิด-19 เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเชื้อโรคต่างๆ ด้วย เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวมจากเชื้อไมโคพลาสมา (การติดเชื้อแบคทีเรียทั่วไปซึ่งมักเกิดกับเด็กเล็ก) และไวรัสทางเดินหายใจ (RSV)
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ProMED ซึ่งเป็นชุมชนการแพทย์ออนไลน์ ที่ตั้งคำถามในช่วงปลายปี 2562 เกี่ยวกับการเจ็บป่วยที่ไม่ทราบสาเหตุที่กำลังแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งต่อมากลายเป็นโรคโควิด-19 ระบุว่า มีรายงานของสื่อจำนวนมากขึ้นเกี่ยวกับกลุ่มของโรคปอดบวมที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยในกลุ่มเด็กทางตอนเหนือของจีน ทั้งนี้ ProMED กล่าวว่า มีความจำเป็นที่จะต้องมีข้อมูลที่แน่ชัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “อาการเจ็บป่วย” ที่เกิดขึ้นในจีนครั้งนี้
FTV News สื่อของไต้หวันรายงานว่า โรงพยาบาลเด็กในกรุงปักกิ่ง เหลียวหนิง และเมืองอื่นๆ ในภาคเหนือของจีน “เต็มไปด้วยเด็กป่วย” และผู้ปกครองตั้งคำถามว่าทางการจีนกำลัง “ปกปิดโรคระบาด” ที่เกิดขึ้นใหม่หรือไม่
องค์การอนามัยโลกระบุในแถลงการณ์ว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าการระบาดในพื้นที่ภาคเหนือของจีน และการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อโรคทางเดินหายใจโดยรวมที่รายงานโดยทางการจีนก่อนหน้านี้ มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ โดยองค์การอนามัยโลกกล่าวว่าทางองค์การได้ขอให้รัฐบาลจีนแจ้งข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว “WHO ขอข้อมูลด้านระบาดวิทยาและทางคลินิกเพิ่มเติม รวมถึงผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการจากกลุ่มเด็กที่ได้รับการรายงานเหล่านี้ ผ่านทางกลไกกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ” แถลงการณ์ระบุ
“เรายังขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มล่าสุดในการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่เป็นที่ทราบถึง รวมถึงไข้หวัดใหญ่ SARS-CoV-2, RSV และปอดบวมจากเชื้อไมโคพลาสมา และภาระต่อระบบสาธารณสุขในปัจจุบัน นอกจากนี้ WHO ยังติดต่อกับแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผ่านความร่วมมือและเครือข่ายทางเทคนิคที่มีอยู่ในประเทศจีน” องค์การอนามัยโลกระบุในแถลงการณ์
องค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้ประชาชนในประเทศจีน ดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินหายใจ รวมถึงการเข้ารับการฉีดวัคซีนใหม่ การรักษาระยะห่างจากผู้อื่น การสวมหน้ากากอนามัยเมื่อจำเป็น และการอยู่บ้านเมื่อป่วย รวมถึงการตรวสจหาเชื้อซึ่งมีความสำคัญเช่นกัน
รายงานการพบผู้ติดเชื้อ ซึ่งต่อมาได้รับการประกาศว่าเป็นโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 รายแรก ได้รับการรายงานว่าเป็นโรคปอดบวมโดยไม่ทราบสาเหตุในช่วงปลายปี 2562 โดยมีผู้เสียชีวิตรายแรกจากโรคนี้ในเดือน ม.ค. 2563 ในเดือนเดียวกับที่จีนเปิดเผยลำดับทางพันธุกรรมของโรคโควิด-19 ต่อสาธารณะ ก่อนที่องค์การอนามัยโลกจะได้ประกาศภาวะการระบาดใหญ่ในเดือน มี.ค. 2563 ให้อยู่ในระดับที่อ “เป็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง” ต่อการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและความรุนแรงของไวรัส รวมถึง “การไม่ดำเนินการในระดับที่น่าตกใจ”
หลังจากนั้น องค์การอนามัยโลกได้ส่งคณะผู้เชี่ยวชาญเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น เพื่อสอบสวนการระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2564 อย่างไรก็ดี จนถึงปัจจุบันนี้ ต้นกำเนิดของไวรัสโควิด-19 ยังคงไม่มีความชัดเจนใดๆ ที่ได้รับการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
ที่มา: