ที่ สน.สำราญราษฎร์ พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ออกหมายเรียกแกนนำจัดกิจกรรมชุมนุม 7 ราย ประกอบด้วย ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่, จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรืออั๋ว, ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์, ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือ ลูกเกด, ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือ ฟอร์ด, สมยศ พฤกษาเกษมสุข มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหา "ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง" จากกรณีจัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ด้าน พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สำราญราษฎร์ เปิดเผยว่า ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อหา จำนวน 7 ราย จากกรณีการจัดกิจกรรมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในพื้นที่ของ สน.สำราญราญราษฎร์ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 ในความผิดร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง โดยบางส่วนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในส่วนของพ.ร.บ.ควบคุมโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง และพ.ร.บ.จราจรทางบก
ทั้งนี้ผู้ที่ถูกออกหมายเรียกมารับทราบข้อหาครบาแล้ว โดยทั้งหมดไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน โดยจะชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร นัดหมายส่งคำให้การในวันที่ 19 ม.ค.นี้
ชลธิชา แจ้งเร็ว กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย กล่าวหลังรับทราบข้อกล่าวหาคดี ไม่แจ้งการชุมนุม กรณี #ม็อบ14ตุลา63 ว่า การเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของแกนนำทั้ง 7 คน ได้รับข้อกล่าวหาตามฐานความผิดแตกต่างกัน และได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาพร้อมจะตรอสู้ตามกระบวนการ แต่ข้อหาที่มีร่วมกันคือไม่แจ้งการชุมนุม ซึ่งมองว่า การแจ้งข้อกล่าวหาของ ตำรวจไม่ตรงตามพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาหรือเป็นการกลั่นแกล้งสร้างความยุ่งยากให้กับผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้น ซึ่งตนและหลายคนที่เพียงเข้าร่วมชุมนุม ไม่ใช่ผู้จัดการชุมนุม แต่โดนคดีไม่แจ้งการชุมนุม ซึ่งขัดเเย้งกับข้อความเป็นจริง ดังนั้น จึงเตรียมปรึกษาทนายความฟ้องกลับตำรวจไว้ด้วย
ด้าน สมยศ พฤกษาเกษมสุข จากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กล่าวว่า รัฐบาลอ้างโควิด-19 ปัญหาการออกหมายจับแบบเหวี่ยงแห และยัดข้อหาที่ไม่ตรงกับพฤติกรรมหรือข้อเท็จจริงของผู้ถูกกล่าวหานั้น นอกจากเป็นการกลั่นแกล้งประชาชนและทำให้รัฐเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนแล้ว ยังสะท้อนปัญหาของกระบวนการยุติธรรม เกี่ยวกับกระบวนการฟ้องร้องคือ ระบบกล่าวหา ที่ทำให้คนจนจำใจต้องรับสารภาพ เพราะไม่มีศักยภาพหรือความพร้อมในการต่อสู้คดี ซึ่งในอนาคตต้องผลักดันการแก้ไขเรื่องนี้ โดยอาจใช้ระบบลูกขุน หรือระบบไต่สวนแทนระบบกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม การโดนคดีไม่ได้มีความกังวลและยืนยันจะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมต่อไป ทั้งเตรียมฟ้องกลับผู้มีอำนาจที่ใช้กฎหมายกลั่นแกล้งประชาชนเช่นเดียวกับแกนนำราษฎรคนอื่นๆ ด้วย
_______