ตลอดช่วงเวลาเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้บังคับใช้มาตรการควบคุมชายแดนที่เข้มงวดที่สุดในโลกในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และยังไม่เปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่ในประเทศของพวกเขา
หน่วยงานที่มีฐานอยู่ในนครวลาดีวอสตอค เผยแพร่โฆษณาถึงการจัดทริปการเดินทางดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ ปรีมอร์สกี ไกร ผู้ว่าราชการภูมิภาควลาดีวอสตอคทางตะวันออกไกลของรัสเซีย ซึ่งมีพรมแดนติดกับเกาหลีเหนือ ได้เดินทางไปเยือนกรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือ เพื่อพูดคุยกันในการตกลงการเปิดทริปเดินทางท่องเที่ยวในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา
ตามแผนการเดินทางที่เปิดเผยผ่านทางช่องทางออนไลน์ระบุว่า ทัวร์ท่องเที่ยวของรัสเซียในเกาหลีเหนือดังกล่าว จะจัดขึ้นเป็นเวลา 4 วัน และจะมีการออกเดินทางในวันที่ 9 ก.พ. ซึ่งรวมถึงการแวะเยี่ยมชมกรุงเปียงยาง และสกีรีสอร์ทของเกาหลีเหนือ
ไซมอน ค็อกเคอเรล ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทโครยอทัวร์ ซึ่งมีฐานอยู่ในกรุงปักกิ่งของจีน แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทริปการเดินทางในครั้งนี้ของรัสเซีย กล่าวกับสำนักข่าว Reuters ว่า หุ้นส่วนของเขาในเกาหลีเหนือยืนยันว่า การเดินทางเยือนเกาหลีเหนือของนักท่องเที่ยวจากรัสเซียกำลังจะเกิดขึ้น แต่จะดำเนินไปภายใต้สถานการณ์พิเศษ
“มันเป็นสัญญาณที่ดี แต่ผมลังเลที่จะบอกว่ามันจำเป็นต้องนำไปสู่การเปิดกว้างขึ้น เนื่องจากมีสถานการณ์พิเศษสำหรับการเดินทางครั้งนี้” ค็อกเคอเรลกล่าว “แต่เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว การเดินทางท่องเที่ยวใดๆ ก็สามารถมองได้ว่าเป็นย่างก้าวเชิงบวก”
ก่อนหน้านี้ คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ และ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้พบกันในการประชุมสุดยอดที่รัสเซียตะวันออก เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยในการพบกันครั้งนั้น ทั้งสองผู้นำได้ให้คำมั่นว่าพวกเขาจะกระชับความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการทหาร แม้ว่าจะมีนานาชาติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือและรัสเซียก็ตาม
อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของเกาหลีเหนือ ไม่ได้รับผลกระทบจากมติคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่จำกัดการติดต่อธุรกิจกับเกาหลีเหนือ สืบเนื่องจากโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
ตามการประเมินของ NK News สำนักข่าวของเกาหลีใต้ ในช่วงปีก่อนที่จะกิดโรคระบาดโควิด-19 จะเริ่มขึ้น เกาหลีเหนือมีอัตรานักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก ซึ่งอาจช่วยสร้างรายได้พิเศษให้กับเกาหลีเหนือ ที่กำลังขาดแคลนเงินสดได้ถึง 175 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6.13 พันล้านบาท) ในปี 2562
ที่มา: