ไม่พบผลการค้นหา
‘แสวง’ เลขาฯ กกต. ชี้นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงได้ ไม่เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ เพียงแต่ส่งเรื่องกลับไปให้พรรคแจงรายละเอียดให้ครบ ภายใน 7 วัน ย้ำไม่ผิดกฎหมาย แต่มีค่าปรับ ส่วน ‘ศรีสุวรรณ’ จะร้องสอบเป็นสิทธิของเขา

วันที่ 10 เม.ย. แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทยว่า นโยบายที่จะใช้เงิน ใช้หาเสียงได้แต่มีเงื่อนไขคือ ต้องมีที่มา วงเงิน วิธีการหาเงิน ประโยชน์ที่จะได้รับ ความคุ้มค่า และความเสี่ยง เพื่อให้ประชาชนได้มีข้อมูลในการตัดสินใจ ทุกพรรคการเมืองจะต้องรายงานนโยบายที่ใช้เงินต่อ กกต. ปัจจุบันรายงานมาแล้ว 6 พรรคการเมือง หนึ่งในนั้นมีพรรคเพื่อไทย ซึ่งข้อมูลยังไม่ครบถ้วน จึงให้ทาง กกต. แจ้งขอข้อมูลไปที่พรรคแล้วส่งกลับมาที่ กกต.ภายใน 7 วัน

อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้ระบุว่าข้อมูลไม่ครบจะมีความผิด แต่พรรคการเมืองต้องทำให้ครบ หากไม่ครบ จะมีค่าปรับ เป็นการปรับแบบรายวันจนกว่าจะถูกต้อง

แสวง กล่าวต่อว่า ลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่สัญญาว่าจะให้ ต้องดูตามข้อเท็จจริง อาจจะผิดตามข้อห้ามในมาตรา 73 (5) แห่ง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. 2561 หรือไม่ ย้ำว่านโยบายเงินดิจิทัลไม่ใช่นโยบายหลอกลวง ขึ้นอยู่กับว่าพรรคการเมืองจะทำให้เกิดตามนโยบายได้อย่างไร ส่วนที่ ศรีสุวรรณ จรรยา จะไปยื่นคำร้องให้ กตต. วินิจฉัยประเด็นดังกล่าว ก็เป็นสิทธิของเขา


ยังไม่เคาะขยายเวลาลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า 

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดสัมมนาเสริมสร้างความรู้ และความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายสื่อมวลชน โดย แสวง ระบุว่า การสัมมนาดังกล่าวเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นสื่อมวลชนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ประชาชนและผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้รับทราบข้อมูลอย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว จึงได้จัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อให้สื่อมวลชนติดตามข่าวสาร รวมถึงการเกาะติดสถานการณ์เพื่อนำเสนอข่าวสารการเลือกตั้งที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงออกสู่สาธารณชนในวงกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

แสวง ยังกล่าวเพิ่มเติมถึง การเตรียมพร้อมสำหรับการรายงานผลการเลือกตั้งแบบไม่ทางการ และแบบทางการ โดยยืนยันว่า การไม่รายงานผลเลือกตั้งผ่านแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์ เนื่องด้วยอาจจะเกิดความผิดพลาดสูง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องมีการเร่งลงผลในระบบแบบต่อเนื่อง ซึ่งการรายงานเป็นตัวเลขต่อเนื่อง อาจจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้จากการรวมคะแนนของแต่ละหน่วย แต่ทั้งนี้การรายงานผลเลือกตั้งนั้น จะยังคงเป็นไปตามปกติ ซึ่งคาดว่าคะแนนแบบไม่ทางการ จะเริ่มเห็นผลประมาณ 19.00 น. เป็นต้นไป และคาดว่าจะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการ 22.00 น. 

ส่วนกรณีระบบการใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าที่มีปัญหาเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (9 เม.ย.) แสวง ระบุว่า อาจเป็นเพราะมีผู้เข้าไปแสดงความจำนงในการลงทะเบียนมากกว่า 4,000 คนต่อวินาที ทำให้ศักยภาพของระบบนั้นอาจมีปัญหาได้ โดยหลังจากนี้ก็จะตรวจสอบกับสำนักงานทะเบียนเพื่อที่จะตรวจสอบดูว่ามีรายชื่อของผู้แสดงความจำนงใดค้างอยู่ในระบบอยู่บ้าง โดยหากมีครั้งระบบอยู่ก็จะให้มีการบันทึกไว้ ส่วนจะขยายเวลาการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าหรือไม่นั้นคงยังไม่สามารถตอบได้ขณะนี้ 

สำหรับกรณีที่มีปัญหาจากครั้งก่อนกรณีบัตรเลือกตั้งจากต่างประเทศบางประเทศมาถึงประเทศไทยไม่ทันกรอบการนับคะแนนนั้น แสวง กล่าวว่า ทาง กกต.ได้ประสานกับกระทรวงต่างประเทศอย่างต่อเนื่องแล้วขณะนี้ในเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยการอำนวยความสะดวกนั้นนอกจากมีการให้ลงคะแนนผ่านคูหาแล้ว ยังมีรถเคลื่อนที่สำหรับลงคะแนน รวมถึงระบบไปรษณีย์ด้วย และได้มีการซักซ้อมกับกระทรวงการต่างประเทศแล้วในเรื่องของการนำบัตรกลับมาจึงเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะครั้งก่อนอีก

สำหรับกรณีที่พรรคการเมืองบางพรรคมีการนำเสนอนโยบายซึ่งก็คือเงินดิจิทัลก็ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นลักษณะของนโยบายหรือไม่เพราะทุกพรรคการเมืองก็ต้องมีนโยบายที่เกี่ยวกับเรื่องของการใช้เงินด้วยกันทั้งนั้น แต่สิ่งสำคัญก็คือหากมีประเด็นสงสัยนั้นก็ต้องมีการซักถามที่มาของเงินรวมถึงวิธีการหาเงินเพื่อใช้ในเรื่องของนโยบายนั้นๆ ซึ่งมีหลายพรรคการเมืองที่ได้มีการเข้ามาชี้แจงแล้วเช่นกันที่เหลือก็อยู่ที่ประชาชนในการตัดสินใจถึงความเหมาะสมของนโยบายเอง