คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในวันครบรอบ 5 ปี รัฐประหาร ด้วยการเชิญชวนร่วมหยุดการสืบทอดอำนาจปีที่ 6 ของ คสช. โดยระบุว่า จากพรรคไทยรักไทย ถึงพรรคเพื่อไทย เราเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเมืองมามากมาย ทั้งการยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง และการทำรัฐประหาร ตนเป็นคนหนึ่งที่ได้เห็น ได้สัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทางการเมือง เกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งในช่วงที่ประเทศมีประชาธิปไตย และในช่วงที่ประเทศไม่มีประชาธิปไตย
ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทำให้ตนได้เรียนรู้ถึงความหมายของการชนะที่แท้จริง คือ "ชนะใจประชาชน" และความหมายของการชนะจอมปลอม คือการชนะโดยการยึดอำนาจไปจากมือของประชาชน โดยทำให้การเลือกตั้งเป็นเพียง "พิธีกรรมชุบตัว" ด้วยการเขียนกติกาที่บิดเบี้ยว เอาเปรียบทุกประตู ทั้ง ส.ส.เอื้ออาทร ส.ว.เอื้อพวกพ้อง 250 คน ที่ คสช. เลือกมีอำนาจมากกว่า ส.ส.ที่ประชาชนเลือก เพราะสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ 2 สมัย ตามด้วยแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อคุมประเทศต่อไปอีกยาวนาน 20 ปี
วันนี้ (22 พ.ค.) ครบรอบ 5 ปี รัฐประหาร คสช. ตลกร้ายคือ หน้าฟีดของตนเต็มไปด้วยข่าวไม่กี่ข่าว คือ ข่าวโผของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งเต็มไปด้วยนายพลหน้าเดิมที่ทำรัฐประหารเมื่อ 5 ปีก่อน และอีกข่าวคือการต่อรองเก้าอี้ของพรรคการเมืองแทงกั๊กอย่างคึกโครม
ในระหว่างการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง ในทุกความพยายามเพื่อยึดอำนาจไปจากมือของประชาชน ความทุกข์ของประชาชน กำลังดำเนินไปอย่างสาหัส ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราลงพื้นที่ทุกจังหวัด เราถามคำถามกับประชาชน ว่า "อะไรคือความทุกข์ใจของประชาชน ที่ต้องการให้แก้ไขตลอดระยะเวลา 4 ปีนับแต่มีการรัฐประหาร"
ร้อยละ 59 ของประชาชนบอกกับเราว่า ปัญหาใหญ่วันนี้คือปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง รวยกระจุก จนกระจาย หนี้สินท่วมหัว ค่าครองชีพสูง รายได้ไม่พอรายจ่าย สิ้นหวังอย่างหนัก เพราะประเทศทั้งล้าหลัง ถดถอย แข่งขันกับความเปลี่ยนแปลงของโลกไม่ได้ ร้อยละ14 ของประชาชนบอกกับเราว่า ปัญหายาเสพติดกำลังระบาดหนัก ทำลายอนาคตของเยาวชน ทำลายโอกาสในการหาเลี้ยงครอบครัว และ ร้อยละ 13 ของประชาชนบอกกับเราว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นกลับหนักยิ่งขึ้นในยุคที่ไม่มี 'นักการเมือง' การรีดไถสินบนลุกลามบานปลายไม่สิ้นสุด จนประชาชนทำมาหากินไม่ได้
ประชาชนทั้งประเทศ มองการเลือกครั้งนี้เป็นความหวังในการเดินออกจากความทุกข์ แต่ความหวังนั้นก็พังทลาย เพราะขณะนี้เกิดคำถามดังๆ ในสังคมไทยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ได้เป็นไปอย่างสุจริต เที่ยงธรรมจริงหรือไม่? หรือเป็นเพียงพิธีกรรมในการชุบตัวแปลงร่างเพื่อสืบทอดอำนาจต่อ
ซึ่งจุดยืนของตน และพรรคเพื่อไทย มั่นคงและชัดเจน เราเห็นโอกาสของประชาธิปไตยที่จะได้กลับมาลงหลักปักฐานให้มั่นคง เป็นภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่าการแสวงหาอำนาจทางการเมือง พรรคเพื่อไทยยอมเสียสละ เพื่อไม่ให้เป็นเงื่อนไขในการต่อรองทางการเมืองใดๆ ขอเพียงประเทศเดินหน้าสู่การเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ถือว่าเราได้ทำภารกิจสำเร็จแล้ว
ดังนั้น หากนักการเมืองจากพรรค ที่ยังไม่ประกาศท่าทีทางการเมือง ร่วมกันยืนหยัดเคียงข้างประชาชน อย่างที่ได้เคยพูดสัญญาไว้ตอนหาเสียง ด้วยการไม่ทรยศต่อความหวังของประชาชน และสำนึกอยู่เสมอว่าเรามาจากประชาชน นักการเมืองเหล่านี้ ก็จะสามารถสร้างคุณูปการต่อประชาชน ยุติบทบาท คสช.ได้แล้ว อีก 2 วันก็จะทราบแล้วว่า พรรคเหล่านี้จะเลือกอยู่เคียงข้างประชาชน หรือ ที่ดึงเกมกันอยู่ ก็เพื่อแค่เอาคะเเนนเสียงที่ประชาชนมอบให้ ไปต่อรองตำแหน่ง และผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น อย่าลืมว่าประชาชนความจำดี