นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดที่จะออกพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเวลานี้ ช้าไปหรือไม่ เพราะมาตรการที่รัฐออกมาก่อนหน้านี้เป็นมาตรการสนับสนุนการแพร่เชื้อโควิด-19ให้มีการกระจายไปในหลายพื้นที่ ทั้งนี้เมื่อมีมาตรการปิดร้านอาหาร แรงงานในภาคบริการไม่มีเงินใช้ก็กลับบ้านต่างจังหวัด หากเป็นกลุ่มเสี่ยงก็จะเป็นพาหะอย่างดี
ภายหลังมาตรการล็อกดาวน์ พบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจนถึงวันนี้จะถึง 1,000 คนแล้วเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้นการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในเวลานี้ช้าไปมากแต่ก็ยังดีหากออกมาแล้วคุมอยู่ ซึ่งต้องดูว่าจะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครอบคลุมพื้นที่ใดหรือประกาศทั่วประเทศ แต่มาตรการที่ออกมาก่อนหน้าส่งผลให้เชื้อแพร่กระจายไปทั่วประเทศ รัฐจะออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ออกได้แต่ต้องมีมาตรการรองรับเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้วย
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า มาตรการของรัฐที่ออกมากลับกลายเป็นเอื้อให้กับกลุ่มนายทุนเพราะประชาชนจะแห่ไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าในเครือของเจ้าสัวที่ใกล้ชิดรัฐบาลให้รวยขึ้นไปอีก ดังนั้นการจะออกมาตรการอะไรรัฐจะออกมาต้องมีมาตรการรองรับและไม่ควรเปิดโอกาสให้เจ้าสัวหาประโยชน์กับประชาชน
“รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการเปิดประชุมสภา เพื่อหาทางออกให้ประชาชนตามวิถีทางประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่รัฐต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้งแต่รัฐกลับเลือกเอาความอยู่รอดของตัวเองเป็นที่ตั้ง พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่เล่นการเมืองในวิกฤติเช่นนี้ แต่การทำงานการเมืองคือการให้คำแนะนำที่ดี เอาความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง พรรคเพื่อไทยเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแต่รัฐไม่ฟัง พลเอกประยุทธ์มองว่าพรรคเพื่อไทยเล่นการเมือง แต่การทำงานการเมืองอันไหนดีก็ควรรับไว้ ควรมองการเมืองในแง่ดี อย่ามองว่าข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านเป็นการเอาหน้า อย่างนั้นคือการเมืองที่เลวและเห็นแก่ตัว”นายแพทย์ชลน่าน กล่าว