ดร.ซาร่า โคดี้ เจ้าหน้าที่สาธาณสุขของเมืองซานตา คลาร่า รัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ผลการชันสูตรหญิงวัย 57 ปีที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมาระบุว่า เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นการเสียชีวิตก่อนหน้าที่จะมีการประกาศการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดในสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการถึง 3 สัปดาห์

นอกจากนี้ ในช่วงกลางเดือนก.พ.ยังพบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดอีกหนึ่งราย เป็นชายวัย 69 ปีที่อาศัยอยู่ในเมืองเดียวกัน

ดร.โคดี้กล่าวว่า "ผู้เสียชีวิตทั้งคู่นั้นไม่มีประวัติการเดินทางที่บ่งชี้ว่าทั้งคู่ได้เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดังนั้นสันนิษฐานได้ว่าทั้งคู่ได้รับเชื้อไวรัสจากการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในชุมชน"

ดร.โคดี้ยังกล่าวว่า ผลการชันสูตรศพของทั้งคู่นั้น ทำให้ทราบว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในชุมชนมาก่อนที่เราเข้าใจและยังเป็นการบ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสได้แพร่กระจายและมีวงจรชีวิตมานานกว่าที่เราเคยรับรู้ ซึ่งในช่วงเดือนก.พ.หลายพื้นที่ในสหรัฐฯ เป็นช่วงเวลาที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่

ดังนั้นอาจจะมีหลายกรณีที่เสียชีวิตอาจถูกชันสูตรว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ และเคสการเสียชีวิตที่ได้รับการชันสูตรนี้เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำเแข็ง ซึ่งบ่งชี้ว่าในเมืองอาจมีคนจำนวนมากที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา

ดร.อาชิช เค จา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพโลก ฮาร์วาร์ด (Harvard Global Health Institute) กล่าวว่า หากผู้ที่เสียชีวิตทั้งคู่ไม่ได้ติดเชื้อจากการเดินทางไปต่างประเทศนั้นหมายความว่า การแพร่ระบาดในชุมชนเกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนียมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนม.ค. หรือไม่อาจจะเร็วกว่านั้น เนื่องจาก การติดเชื้ออาจจะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ก่อนที่จะเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส

ดร.จายังกล่าวเสริมว่า "เราต้องกลับไปดูจำนวนผู้ติดเชื้อในเดือนม.ค.หรือแม้แต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้วและต้องพยายามค้นหาว่ามีการติดเชื้อครั้งแรกในสหรัฐฯ ในช่วงเวลาใด"

ผลการชันสูตรศพของผู้เสียชีวิตในครั้งนี้เกิดขึ้นจากทีมแพทย์ไม่สามารถยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตได้ จึงส่งเนื้อเยื่อไปยังหน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ เพื่อทำการพิสูจน์ เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวชุดตรวจทดสอบหาเชื้อโควิด-19 นั้นถูกจำกัดให้ใช้กับผู้ที่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศและผู้ที่มีประวัติการติดต่อกับผู้ติดเชื้อโดยตรงเท่านั้น

ปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิดมากที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 820,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 46,000 ราย

ที่มา CNN / CNA

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• สหรัฐฯ ถกเถียง 'ไวรัสโควิด-19' VS 'ไข้หวัดใหญ่' อะไรอันตรายกว่ากัน?
• สหรัฐฯประกาศ 'ไวรัสโคโรนา' เป็น 'สถานการณ์ฉุกเฉิน' ครั้งแรกในรอบ 60 ปี