วันที่ 28 มี.ค. ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวอาจมีการพิจารณายกเลิกฟรีวีซ่าคนไทยเข้าประเทศญี่ปุ่น ว่า เราก็ยังมีความเป็นห่วง ซึ่งเราขอความกรุณาคนไทย เมื่อไปต่างประเทศอย่าทำผิดกฎหมายของเขา เพราะถ้าเราทำผิดกฎหมายของเขา เขาก็มีสิทธิ์ยกเลิกวีซ่า เช่นเดียวกัน เมื่อต่างประเทศทำผิดกฎหมายในไทย เราก็สามารถยกเลิกฟรีวีซ่าของต่างชาติได้ ถ้าทำผิดกฎหมาย และกระทบต่อความมั่นคง
อย่างไรก็ตามเท่าที่ทราบ ก็ยังไม่พบคนไทยที่ทำผิดกฎหมายญี่ปุ่นในจำนวนไม่มาก ไม่ถึงขนาดที่เขาควรจะยกเลิกวีซ่าเรา และอีกไม่นานตนจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น จะนำเรื่องนี้ขึ้นมาหารือกับฝ่ายญี่ปุ่น ว่าเขามีความจำเป็นหรือซีเรียสกับเรื่องนี้ขนาดไหน แต่ยอมรับว่าคนไทยชอบไปประเทศญี่ปุ่นมาก และเท่าที่ทราบคนไทยก็ไม่ได้สร้างความเสียหายในเรื่องที่รุนแรง อาจจะพบบางรายอยู่เกินเวลา และไม่ใช่เรื่องที่เป็นอาชญากรรมรุนแรง และถ้าเราได้อธิบายให้ทางญี่ปุ่นฟัง อาจจะมีโอกาสที่เขาจะต่อวีซ่าให้เรา ซึ่งขณะนี้ก็มีการพูดคุยกันในระดับหนึ่ง
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการเจรจาขอวีซ่าเชงเก้น เข้ากลุ่มประเทศยุโรป ว่าจะสามารถเจรจาได้ภายในปีนี้หรือไม่ ปานปรี ระบุว่า คงสักพักหนึ่ง เพราะต้องใช้เวลาคุย ซึ่งประเทศในกลุ่มยุโรปมี 27 ประเทศ เราอาจจะไม่ต้องคุยทุกประเทศ เพราะมีความสัมพันธ์อันดี แต่จะคุยกับประเทศหลักๆ และประเทศรองบางประเทศ ซึ่งก็มีโอกาสที่เราจะได้ ส่วนจะได้ปีไหน ตนไม่กล้ากำหนด แต่จะพยายามทำให้เร็วที่สุด และเชื่อว่าจะได้ภายในรัฐบาลนี้อย่างแน่นอน
ปานปรีย์ กล่าวถึงกรณีที่ จักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีว่าประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ลี้ภัยทางการเมืองนานถึง 15 ปี เดินทางกลับประเทศไทย ว่า จักรภพ ไม่ได้ประสานมาทางกระทรวงการต่างประเทศ หรือ กต. เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งปกติถ้ามีบุคคลที่ฝ่ายความมั่นคงเป็นกังวลจะหารือมาที่ กต. ไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง
เมื่อถามว่า ผู้ที่ลี้ภัยในต่างประเทศหากต้องการกลับประเทศ สามารถประสานมาที่ กต.ได้เลยหรือไม่ ปานปรีย์ กล่าวว่า คงจะแจ้งมาได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครประสานมาที่ กต. น่าจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายความมั่นคง และทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมากกว่า เรายังไม่ได้รับเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น และยังไม่ได้รับรายงานด้วย ทั้งนี้ หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศที่เราจะต้องสื่อสารกับทางต่างประเทศ คงจะต้องใช้ กต.ในการสื่อสารต่อไป
เมื่อถามว่า ปกติคนที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ทาง กต.จะต้องติดตามพฤติกรรมของเขาด้วยหรือไม่ ปานปรีย์ กล่าวว่า ถ้าไม่มีปัญหาหรือไม่มีประเด็นอะไร ก็ไม่ได้ติดตามอะไรอย่างใกล้ชิด เพียงแต่รับรู้ เพราะเรามีสถานทูตอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว ไม่ได้ไปติดตามความเคลื่อนไหวอะไร เพราะเขาก็อยู่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศนั้นๆ อยู่แล้ว
ปานปรีย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพทหารอิสราเอลถือธงชาติไทย ในฉนวนกาซ่า ผ่านแอพพลิเคชั่นเอ็กซ์ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน เพิ่งได้ยินจากสื่อมวลชน
เมื่อถามต่อว่า มีภาพปรากฏ จึงมีข้อกังวลต่อตัวประกันไทยอีก 8 คนในปาเลสไตน์ ปานปรีย์ ยืนยันว่า ไม่มีหรอก เขาปล่อยตัวประกันมาให้เราแล้ว 27 คน ซึ่งเกิดมาจากผลที่เราเจรจา ซึ่งผมก็มีความเชื่อว่าเขาไม่มีอะไรที่ติดใจกับคนไทย เพราะคนไทยไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ส่วนอีก 8 คนเราคาดหวังว่า ถ้ามีการหยุดยิงโดยเร็ว ก็จะสามารถกลับประเทศไทยได้โดยเร็ว
เมื่อถามถึงสถานการณ์ตัวประกันทั้ง 8 คนขณะนี้เป็นอย่างไรบ้างนั้น ปานปรีย์ ระบุว่า ที่ได้รับการยืนยันมี 3 คน ที่มีการพบเห็นแล้ว และมีชีวิตอยู่ ส่วนอีก 5 คนยังไม่มีใครเห็น เพราะกระจัดกระจายอยู่ในสถานที่ต่างๆซึ่งกระทรวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์ทั้ง 8 คนทุกวัน เพื่อให้เขาได้กลับสู่ประเทศไทยโดยเร็ว ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่า มีสถานการณ์ที่ดีแล้วเนื่องจากองค์การสหประชาชาติ หรือ UN ได้ประกาศมติให้หยุดยิง อย่างนี้โอกาสที่จะปล่อยตัวประกันก็จะมีมากขึ้น