ไม่พบผลการค้นหา
เห็นแย้ง ‘ศรีสุวรรณ’ ‘ณัฐชา’ ยกข้อกฎหมายฟาด ยัน ‘เสรีรวมไทย’ ไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ย้อนถ้าผิด ‘ประยุทธ์’ ก็ผิดด้วย เตือนนักร้องฟ้องดะ ระวังจะถูกตรวจสอบเอง

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์​ ส.ส.เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร มีความเห็นต่อกรณีที่ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบพรรคเสรีรวมไทย ฐานทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กรณีการหาเสียงโดยจัดงานมหรสพรื่นเริงระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 จ.ลำปาง จากภาพที่ปรากฏ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที​

ณัฐชา ระบุว่า การกระทำดังกล่าวของหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยไม่เข้าองค์ประกอบ ข่ายความผิด ตาม มาตรา 73 (3) ของ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. 2561 การโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรมจะมีความผิดตาม มาตรา 159 มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000 -200,000บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี เพราะหากกรณีแบบนี้มีความผิดจริง ก็น่าจะผิดตั้งแต่ พลเอกประยุทธ์ เดินไปบนเวทีแสงสีเสียงครบพร้อมขึ้นร้องเพลง เมื่อการเลือกตั้ง 2562 ที่ผ่านมาแล้ว 

แต่จากการติดตามการเลือกตั้งครั้งนี้พบว่า เป็นเพียงการพบเจอพี่น้องประชาชนในสภาพแวดล้อมที่จัดไว้อยู่เดิมแล้ว ซึ่งความในมาตรา 73 ก่อนจะร้องอยากให้ ​ศรีสุวรรณ ไปอ่านกฎหมายให้แตกก่อน​มาตรานี้มีว่า ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนน ไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

(1) จัดทําให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคํานวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด

(2) ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด

(3) ทําการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ

(4) เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด

(5) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด

ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง

.

ความใน (3) มิให้ใช้บังคับแก่ผู้สมัครที่ใช้ความรู้ความสามารถทางศิลปะของตน หาเสียง

ให้แก่ตนเองโดยไม่ใช้อุปกรณ์ในการแสดงมหรสพ

ความผิดตาม (1) หรือ (2) ให้ถือว่าเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน

และปราบปรามการฟอกเงิน และให้คณะกรรมการมีอํานาจส่งเรื่องให้สํานักงานป้องกันและปราบปราม การฟอกเงินดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจได้

“เนื้อหา ใจความกฏหมาย ระบุถึง การห้ามทําการโฆษณาหาเสียงด้วยการ ‘จัดให้มี’ มหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ กล่าวคือต้อง จัดเอง ลงทุนเอง ไปจัดงานรื่นเริงให้ชาวบ้าน เช่น จัดหนังกลางแปลงฉาย 7 วัน 7 คืน จัดหมอลำ ทำให้สนุกสนานแล้วบอกให้เลือกเบอร์นั้นเบอร์นี้แบบนี้จึงจะผิด ไม่ใช่ไปงานที่เขาจัดไว้อยู่แล้วและพยายามลากให้เข้ากฎหมาย การร้องกลั่นแกล้งกันทางการเมืองแบบนี้ ผมคิดว่าไม่เหมาะสมและไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นความพยายามบิดเบือนไม่รู้ว่าเพื่อประโยชน์หรือมีความโกรธแค้นกันในประเด็นส่วนตัวหรือไม่ แต่เรื่องนี้ผมคิดว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง ตัดสินได้ง่ายและสามารถทำได้เร็ว เพราะไม่มีองค์ประกอบใดเข้าข่ายเลยด้วยซ้ำ

“อยากฝากไปยังนักร้องว่าการตรวจสอบเป็นเรื่องที่ดี ทำให้การทำงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและนักการเมืองมีความโปร่งใส​ การช่วยกันพิทักษ์กฎหมายเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม​ แต่การร้องแบบไร้เหตุผล​ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลือกทำเป็นบางกรณีเช่นนี้มีแต่ด้อยค่าตัวเอง จากพลเมืองที่มีความตื่นตัวทางการเมืองกลายเป็นแค่อาชีพนักร้องที่คนเขามองว่ามีราคาแค่คนรับงาน และคาดว่าอีกไม่นานคงเป็นตัวท่านเองที่อาจต้องเป็นคนถูกตรวจสอบบ้าง”​ ณัฐชา ทิ้งท้าย